15/10/2024

ออกแบบกราฟิกสุดสร้างสรรค์ แนะนำ ! แอปวาดรูปในไอแพด

ทุกคนฟังทางนี้.. ใครอยากสร้างสรรค์งานออกแบบสุดเจ๋ง แต่ไม่มีคอมพิวเตอร์หรือแลปท๊อปติดตัว รู้ใช่มั๊ย ? ว่ามีเพียงแค่ iPad ก็ทำได้และมันคือคำตอบ ! ด้วยขนาดที่พกพาสะดวกและประสิทธิภาพที่ไม่แพ้คอมพิวเตอร์ รวมพลังกับ Apple Pencil สุดอัจฉริยะ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ iPad กลายเป็นอุปกรณ์คู่ใจของนักออกแบบ นักวาดรูปหลาย ๆ คน และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการสร้างสรรค์งานออกแบบกราฟิก หรืองานวาดบน iPad รวมถึงใครก็ตามแค่ที่อยากจะขีด ๆ เขียน ๆ สร้างสรรค์ผลงานตามอารมณ์ตัวเอง วันนี้เราจะมาแนะนำแอปพลิเคชันสุดเจ๋ง แอปวาดรูปในไอแพด ที่ตอบโจทย์การออกแบบกราฟิกบน iPad ของคุณ iPad ไม่ได้เป็นเพียงแค่แท็บเล็ตสำหรับเล่นเกมหรือดูหนังอีกต่อไปแล้ว แต่ยังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักออกแบบกราฟิกอีกด้วย ด้วยหน้าจอที่คมชัดและปากกา Apple Pencil ที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้การสร้างสรรค์งานศิลปะดิจิทัลบน iPad เป็นเรื่องที่ง่ายและสนุกมากยิ่งขึ้น

ทำไมต้อง ออกแบบกราฟิกบน iPad ?

พกพาสะดวก ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ใช้งานง่าย มีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย ประสิทธิภาพสูงไม่แพ้คอมพิวเตอร์ และมี แอปวาดรูปในไอแพด ให้เลือกมากมาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

แอปวาดรูปในไอแพด
Image by freepik

แอปวาดรูปในไอแพด ยอดนิยมสำหรับออกแบบกราฟิกบน iPad

  1. Procreate ทุกคนร้องอ๋อ และรู้จักกันดี คงเป็นใครไปไม่ได้ ชื่อแรก อันดับแรกที่ต้องแนะนำก่อนใคร แอปวาดรูปในไอแพด แอปวาดภาพดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยฟังก์ชั่นที่ครบครัน ทั้งแปรง ดินสอ ปากกา หลากหลายชนิด ชั้นภาพ (Layers) และเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ทำให้คุณสร้างสรรค์งานศิลปะได้อย่างอิสระ ง่าย และประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว
  2. Adobe Fresco แอปวาดภาพจาก Adobe ที่เน้นการวาดภาพด้วยสีน้ำและสีอะคริลิก ให้สัมผัสที่เหมือนวาดบนกระดาษจริง
  3. Affinity Designer แอปออกแบบกราฟิกเวกเตอร์ที่ทรงพลัง เหมาะสำหรับงานออกแบบโลโก้ อิลลัสเทรเตอร์ และงานกราฟิกอื่นๆ
  4. Tayasui Sketches แอปวาดภาพที่เน้นความเรียบง่ายและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  5. Paper by FiftyThree แอปวาดภาพที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายและฟังก์ชั่นที่น่าสนใจ

เลือก แอปวาดรูปในไอแพด ที่ใช่สำหรับคุณ

เปรียบเทียบแอปพลิเคชันยอดนิยม

แอปพลิเคชันข้อดีข้อเสียเหมาะสำหรับ
Procreateฟังก์ชั่นครบครัน มีแปรง ดินสอ ปากกาหลากหลายชนิด รองรับไฟล์หลายรูปแบบ เหมาะสำหรับงานวาดภาพดิจิทัลราคาค่อนข้างสูงนักวาดภาพดิจิทัล, นักวาดภาพประกอบ
Adobe Frescoสัมผัสเหมือนวาดบนกระดาษจริง มีเครื่องมือสำหรับวาดภาพสีน้ำและสีอะคริลิกฟังก์ชั่นอาจจะยังไม่ครบเท่า Procreateนักวาดภาพที่ชอบสไตล์งานวาดด้วยสีน้ำและสีอะคริลิก
Affinity Designerออกแบบเวกเตอร์ได้อย่างมืออาชีพ มีเครื่องมือที่ทรงพลัง รองรับการทำงานร่วมกับไฟล์จากโปรแกรมอื่นๆอินเทอร์เฟซอาจจะดูซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้นนักออกแบบกราฟิก, นักออกแบบโลโก้
Tayasui Sketchesใช้งานง่าย เน้นความเรียบง่าย มีอินเทอร์เฟซที่สวยงาม เหมาะสำหรับการวาดภาพสไตล์มินิมอลฟังก์ชั่นอาจจะจำกัดสำหรับงานที่ซับซ้อนผู้เริ่มต้น, ผู้ที่ต้องการวาดภาพเพื่อความผ่อนคลาย
Paper by FiftyThreeเครื่องมือหลากหลาย ฟังก์ชั่นน่าสนใจ เหมาะสำหรับการวาดภาพและจดบันทึกฟังก์ชั่นอาจจะไม่เหมาะสำหรับงานออกแบบที่ซับซ้อนนักวาดภาพ, นักออกแบบที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกแอปพลิเคชัน

  • พิจารณาจากประเภทของงาน เลือกแอปที่เหมาะกับงานที่คุณต้องการทำ เช่น วาดภาพ, ออกแบบโลโก้, หรือทำภาพประกอบ
  • งบประมาณ แอปพลิเคชันบางตัวอาจมีค่าใช้จ่ายในการซื้อเพิ่มเติม
  • ความง่ายในการใช้งาน เลือกแอปที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
  • ฟังก์ชั่น เลือกแอปที่มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
แอปวาดรูปในไอแพด
Image by freepik

เลือกแอปพลิเคชันที่ใช่ !

การออกแบบกราฟิกบน iPad เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักออกแบบทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ด้วยแอปพลิเคชันที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ คุณสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไม่จำกัด ลองเลือกแอปพลิเคชันที่เหมาะกับสไตล์ของคุณแล้วเริ่มสร้างสรรค์ผลงานกันเลย !

  • ลองใช้ฟรีเวอร์ชัน แอปพลิเคชันหลายตัวมีให้ทดลองใช้ฟรีก่อนตัดสินใจซื้อ
  • ดูรีวิว อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานคนอื่น ๆ
  • เปรียบเทียบฟังก์ชั่น เปรียบเทียบฟังก์ชั่นของแต่ละแอปพลิเคชัน
  • ทดลองใช้งาน ลองใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อหาแอปที่ถูกใจที่สุด

หากคุณกำลังมองหาแอปพลิเคชันสำหรับออกแบบกราฟิกบน iPad แอปวาดรูปในไอแพด ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทดลองใช้แอปต่าง ๆ เพื่อค้นหาแอปที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด

อย่าลืม !

  • หากคุณเกี่ยวข้องกับงานสกรีน งานซับลิเมชัน การออกแบบงานบนไอแพดก่อนแล้วจึงนำไปเข้าสู่กระบวนการสกรีนแบบซับลิเมชั่นยิ่งทำได้ไวและคล่องตัวมาก คุณเพียงแค่เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม กระดาษซับลิเมชัน กระดาษรองรีด หมึก และเครื่องรีดร้อน จากนั้นลุยได้เลย !
  • หมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การฝึกฝนเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาทักษะการออกแบบ
  • เรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ ติดตามเทรนด์และเทคนิคใหม่ ๆ ในการออกแบบ
  • สร้างแรงบันดาลใจ หาแรงบันดาลใจจากผลงานของนักออกแบบคนอื่น ๆ
  • ใช้ประโยชน์จากปากกา Apple Pencil ปากกา Apple Pencil ช่วยให้คุณควบคุมการวาดภาพได้อย่างแม่นยำ
  • เข้าร่วมกลุ่มชุมชน เข้าร่วมกลุ่มชุมชนของนักออกแบบบนโซเชียลมีเดียเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และไอเดีย
  • สร้างพอร์ตโฟลิโอ สร้างพอร์ตโฟลิโอเพื่อนำเสนอผลงานของคุณ
  • สำรวจแอปพลิเคชันอื่น ๆ นอกจากแอปพลิเคชันที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีแอปพลิเคชันอื่นๆ อีกมากมายที่น่าสนใจ เช่น Adobe Illustrator Draw, Autodesk Sketchbook, และอื่น ๆ

Cover Image : Image by freepik

สาระทั่วไป
01/09/2024

สร้างโลโก้ ให้สุขุมและทรงพลัง ได้อย่างเจ้าแห่งแฟชั่น Goyard / Chanel / Gucci / Dior เขาทำกันอย่างไร ?

“โลโก้มาร์เก็ตติ้ง” ทุกคนเคยได้ยินคำนี้ไหมคะ ? ถ้าใครไม่เคย.. เราอยากให้คุณลองหลับตา และถามตัวเองว่า เคยไหม ? ที่คุณซื้อสินค้าเพียงเพราะคุณแค่เห็นโลโก้ หรือลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นั้น ไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ มากมายนัก คุณก็พร้อมจะมอบเงินเพื่อแลกกับการเป็นเจ้าของ การได้หยิบมันขึ้นมาใช้ การเห็นมันทุกวัน.. และคุณยังโอนเอียงเชื่อมั่นว่าสินค้านั้นจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ทั้งในแง่ของคุณภาพ และความเหมาะสมกับการใช้งาน ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นให้เสียเวลา และที่สำคัญเหตุผลหลักที่คุณโดนตกไปเรียบร้อย นั่นคือ.. เมื่อโลโก้หรือลวดลายเหล่านั้นผ่านสายตาคุณทุกครั้งที่หยิบใช้ คุณจะรู้สึกภูมิใจ รู้สึกมีรสนิยม มั่นใจในตัวเอง และรู้สึกมีคุณค่าทางสังคมเพิ่มขึ้น หนำซ้ำคุณมั่นใจว่าคนรอบข้างที่พบเห็นโลโก้ของแบรนด์ที่คุณถือในมือ พวกเขาจะหลงสเน่ห์มันไปด้วยกันกับคุณ.. ถึงตรงนี้ เรากำลังพูดถึง การ สร้างโลโก้ การสร้างแบรนดิ้งอีกวิธีนึงที่ประสบความสำเร็จมาหลายศตวรรษ

ทุกคนคะ ในบทความนี้ เราจะยังอยู่กับการหาแรงบันดาลใจ และศึกษาที่มาที่ไปของแบรนด์ดังระดับโลก ที่บางแบรนด์อยู่กับโลกนี้มาหลายศตวรรษ เขาเหล่านั้นให้ความสำคัญกับโลโก้มาร์เก็ตติ้งอย่างมาก เพราะรู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการบอกเล่าสตอรี่ของแบรนด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทรงพลังและยั่งยืน และไม่ใช่ความบัญเอิญแน่นอนที่ทำให้ลูกค้าโดนตกโดยง่ายเพียงเพราะเห็นโลโก้ของแบรนด์ที่เรามอบความรอยัลตี้ให้ หากทุกคนได้อ่านบทความที่แล้วเกี่ยวกับ Louis Vuitton ก็น่าจะรู้กันดีว่าทุกอย่างสร้างสรรค์ถูกบรรจงสร้างสรรค์มาอย่างปราณีตและตั้งใจ ส่งผลให้แบรนด์อยู่คู่กับโลกนี้มาอย่างยาวนาน และในวันนี้ เราจะมาหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติมกันอีก กับ Luxury แบรนด์ระดับโลก ที่ใช้โลโก้แบรนดิ้งโปรโมตความเป็นตัวเองได้อย่างมีสเน่ห์ ไม่น้อยหน้าไปกว่า Louis Vuitton ทุกคนจะได้ทำความรู้จักที่มาที่ไป และรับรู้ถึงความทรงพลังของแบรนด์โลโก้อย่าง Goyard, Chanel, Gucci และ Dior

Goyard

Goyard สร้างความเป็นตัวตนด้วยการ สร้างโลโก้ Goyardine ใช่แล้ว ! Goyard ตั้งชื่อลายโมโนแกรมของตัวเองขึ้นมาเหมือนที่แบรนด์อื่นๆ ก็มักจะทำกัน ลาย Goyardine เป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋า Goyard มีที่มาและแรงบันดาลใจที่น่าสนใจมาก และลวดลายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาแบบบังเอิญ แต่ Goyardine มีความหมายและบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่ยาวนานกว่า 230 ปี ได้อย่างลึกซึ้ง

สร้างโลโก้
https://www.goyardworld.com/th-th

Goyardine

Goyardine มีต้นกำเนิดจากงานทำมือหรือคราฟติ้งที่สุดแสนจะปราณีต ก่อนที่จะเป็นลวดลายโมโนแกรมที่โด่งดัง Goyard เริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจหีบหนัง โดยใช้ผ้าใบเคลือบในการห่อหุ้มสินค้า ซึ่งต้องใช้ความประณีตและละเอียดอ่อน ในอดีต ลาย Goyardine จะถูกวาดลงบนผ้าใบด้วยมือทีละจุด ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความละเอียดอ่อนสูง ปัจจุบัน Goyard ได้นำเทคโนโลยีการพิมพ์มาใช้ในการสร้างลาย Goyardine เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม กระบวนการผลิตยังคงเน้นความประณีตและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด

เพื่อให้แบรนด์มีความโดดเด่นเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการพัฒนาลายโมโนแกรมขึ้นมา โดยใช้ตัวอักษร “Y” ซึ่งเป็นอักษรตัวกลางของชื่อแบรนด์เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ โดยเฉพาะลวดลายของไม้ ซึ่งสื่อถึงประวัติศาสตร์ของตระกูล Goyard ที่เคยมีกิจการค้าไม้มาก่อน ทำให้เอกลักษณ์ของแบรนด์นั่นโดดเด่นไม่เหมือนใคร และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทำให้ลูกค้าสามารถแยกแยะกระเป๋า Goyard ออกจากแบรนด์อื่นได้อย่างง่ายดาย และปฏิเสธไม่ได้ว่า กระเป๋า Goyard ที่มีลวดลายโมโนแกรม Goyardine ไม่เพียงแต่เป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋า Goyard เท่านั้น แต่แสดงถึงสัญลักษณ์ของความหรูหรา คลาสสิก และงานฝีมือที่ประณีต สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และความใส่ใจในรายละเอียดของแบรนด์ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้กระเป๋า Goyard เป็นที่ต้องการของผู้ที่ชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนมและงานฝีมืออันประณีต

Chanel

การ สร้างโลโก้ หรือการออกแบบลวดลายของ Chanel มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เป็นไปตามยุคสมัย แต่ล้วนแล้วสามารถสรุปได้เลยว่าท๊อปแบรนด์ระดับโลกนี้ ลวดลายของเขาไม่เพียงแต่เป็นการตกแต่ง แต่ยังเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นคนที่สง่างามและทันสมัย มีความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งแรงบันดาลใจหลักๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายเหล่านี้มี

ดอกคามิลเลีย (Camellia)

ดอกคามิลเลียสัญลักษณ์ของแบรนด์ เป็นดอกไม้ที่ Coco Chanel ชื่นชอบเป็นพิเศษ และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ชาเนล มีความหมายถึงความเรียบง่าย ความสง่างาม และความเป็นอมตะ ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ Chanel โดยลวดลายดอกคามิลเลียถูกนำมาประดับบนสินค้ามากมาย แว่นตา เสื้อผ้า กระเป๋าในรูปแบบต่างๆ ทั้งการปัก การเย็บ หรือการขึ้นรูป

สร้างโลโก้
https://www.chanel.com/th/

ลายควิลท์ (Quilt)

ได้แรงบันดาลใจมาจากลายผ้าห่มที่ Coco Chanel ชื่นชอบ และนำมาประยุกต์ใช้กับกระเป๋า ขาแว่นตา เสื้อผ้า ตามแต่ละดีไซน์ สื่อถึงความหรูหรา ความอบอุ่น และความคลาสสิก

ลายโลโก้ Chanel

โลโก้ของแบรนด์ ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวอักษร Chanel ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และสื่อถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ได้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเราเห็นกันเป็นประจำอยู่แล้วกับลวดลายโลโก้ Chanel ที่มักถูกนำมาประดับบนกระเป๋าในรูปแบบต่างๆ เช่น การปั๊ม การเย็บ หรือการประดับด้วยโลหะ

นอกจากนี้แล้ว Chanel ยังมีการ สร้างโลโก้ ด้วยลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัวอื่นๆ เช่น ธรรมชาติ ใบไม้ สัตว์ ศิลปะร่วมสมัย หรือแรงบันดาลใจจากศิลปินชื่อดัง และยังมีเทรนด์แฟชั่นในยุคต่างๆ ก็มีส่วนในการสร้างสรรค์ลวดลายใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ลวดลายของ Chanel โดดเด่น ใครโดนตกแล้วคงรู้ดีว่าสินค้าของคุณที่มีโลโก้ Chanel ตีตรานั้น มีความคลาสสิกและไม่ตกยุค มีความหรูหรา เพราะวัสดุที่นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายมีความละเอียดอ่อน มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ

Gucci

ลวดลายโลโก้ของ Gucci นั้นมีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์และความหรูหราของแบรนด์เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และต่อไปนี้คือแรงบันดาลใจหลักๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายบนสินค้าของแบรนด์

สร้างโลโก้
https://www.gucci.com/th/th/

Interlocking G

สัญลักษณ์ ตัว G สองตัวที่เชื่อมต่อกันเป็นรูปทรงที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำมากที่สุดของ Gucci ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ มาจากชื่อของ Guccio Gucci ผู้ก่อตั้งแบรนด์ และเพียงแค่คุณมอง Interlocking G ผ่านสายตา เชื่อว่าลวดลายโมโนแกรมสุดคลาสสิคนี้สามารถสื่อถึงความเป็นเอกลักษณ์และความหรูหราของแบรนด์ Gucci ได้เป็นอย่างดี

Horsebit

บางครั้ง Gucci ก็ใส่ลูกเล่นไปบนลวดลายเดิม โดย สร้างโลโก้ เป็นรูปตะขอรัดปากม้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอุปกรณ์ขี่ม้า แน่นอนว่ามาจากความหลงใหลในโลกกีฬาขี่ม้าของ Guccio Gucci

Flora

มีแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดดอกไม้ที่ออกแบบโดย Vittorio Accornero de Grazia ในปี 1966 สื่อถึงความโรแมนติกและความหรูหรา มักถูกนำมาประดับบนกระเป๋าและผ้าพันคอ

แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมและศิลปะ

Gucci มักจะนำเอาองค์ประกอบทางวัฒนธรรมต่างๆ มาผสมผสานกับดีไซน์ เช่น วัฒนธรรมจีน ญี่ปุ่น หรือวัฒนธรรมตะวันออกกลาง ร่วมไปถึงศิลปะร่วมสมัย โดยแบรนด์มักจะร่วมมือกับศิลปินร่วมสมัยในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่นพิเศษ ซึ่งส่งผลต่อลวดลายบนกระเป๋าหรือสินค้าอื่นๆ ด้วย

แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

มีสัตว์ต่างๆ เช่น เสือดาว งู หรือสิงโต มักถูกนำมาเป็นลวดลายบนกระเป๋า และยังมีพืชที่นอกจากลาย Flora แล้ว ก็ยังมีใบไม้ ดอกไม้ ต่างๆ

สิ่งที่ทำให้ลวดลายของ Gucci โดดเด่น คือความหลากหลายของลวดลายเพราะทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย คลาสสิคแต่ไม่ละทิ้งความทันสมัย เพราะ Gucci มักจะนำเสนอลวดลายใหม่ๆ ที่ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และสำคัญคือยังคงมีความหรูหรา ทั้งจากวัสดุที่นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายที่มีความละเอียดอ่อนและหรูหรา มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Dior

มาถึง Luxury แบรนด์สุดท้ายที่จะกล่าวถึงในบทความนี้กันแล้ว และจากสามแบรนด์ระดับโลกที่กล่าวถึงไปแล้ว มั่นใจเลยว่าทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงคิดเหมือนกันว่า แต่ละเจ้ากินกันไม่ลงจริงๆ.. เพราะทุกแบรนด์ล้วนมีเอกลักษณ์และมอบความ privilege เฉพาะตัวในแบบของใครของมันให้แก่ลูกค้า และแบรนด์สุดท้ายอย่าง Dior ก็เช่นกัน เพราะ Dior นั้นเต็มไปด้วยความหรูหราและความประณีต ซึ่งสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด แรงบันดาลใจที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายของแบรนด์ก็น่าสนใจไม่แพ้เจ้าอื่นแน่นอน

Cannage

สัญลักษณ์ของแบรนด์ เป็นลายที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของ Dior มากที่สุด ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเก้าอี้นโปเลียนที่ทำจากหวาย ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ Christian Dior ชื่นชอบและนำมาใช้ในการตกแต่งบ้าน สื่อถึงความหรูหรา ความคลาสสิก และความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Dior

สร้างโลโก้
https://www.dior.com/th_th/fashion

Oblique

Oblique หรือ ลายเฉียง เป็นลวดลายที่คลาสสิกมาก และเชื่ออย่างสุดใจว่าสำหรับคนรัก Dior ทุกคน “ต้องมี” ลายนี้ และลวดลายนี้ยังถือเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์อย่างแท้จริง โดยมีต้นกำเนิดย้อนกลับไปถึงช่วงปี ค.ศ. 1950 ได้เลยทีเดียว

ดอกไม้

ยังคงเป็นแรงบันดาลใจเฉพาะตัวของ Christian Dior เหมือนเดิม เพราะเจ้าตัวมีความหลงใหลในดอกไม้เป็นอย่างมาก จึงนำดอกไม้มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ แน่นอนว่าดอกไม้สื่อถึงความสวยงาม ความโรแมนติก และความเป็นผู้หญิง การ สร้างโลโก้ ลวดลายดอกไม้นี้มักถูกนำมาประดับบนกระเป๋าในรูปแบบต่างๆ เช่น การปัก การพิมพ์ หรือการประดับด้วยคริสตัล

ลายตาหมากรุก

แฟชั่นในยุค 60 เป็นแรงบันดาลใจของลวดลายนี้ ซึ่งเป็นยุคที่ Dior ประสบความสำเร็จอย่างมาก ยังคงสื่อถึงความทันสมัยและความคลาสสิกเช่นเดิม โดยมักถูกนำมาใช้เป็นพื้นหลังหรือเป็นส่วนประกอบของลวดลายอื่นๆ

แรงบันดาลใจอื่นๆ

  • Dior มักจะนำเอาองค์ประกอบทางศิลปะต่างๆ มาผสมผสานกับดีไซน์ เช่น ภาพวาด ประติมากรรม หรือสถาปัตยกรรม
  • วัฒนธรรมต่างๆ ก็มีส่วนในการสร้างสรรค์ลวดลายบนกระเป๋า Dior เช่น วัฒนธรรมฝรั่งเศส วัฒนธรรมเอเชีย
  • สัตว์ต่างๆ เช่น นก ผีเสื้อ หรือสิงโต มักถูกนำมาเป็นลวดลายบนกระเป๋า
  • ธรรมชาติรอบตัว เช่น ท้องทะเล ดวงดาว ก็เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ลวดลาย

ความโดดเด่นอย่างนึงของ Dior คือความหรูหราทันสมัยที่สื่อผ่านโลโก้และลวดลายของ Dior จริงๆ เพียงแค่ได้ยินชื่อแบรนด์ก็หรูแล้ว เพราะนี่คือตัวตนของ Dior อย่างปฏิเสธไม่ลง ทั้งยังแฝงด้วยความคลาสสิก ซึ่งแม้จะมีการพัฒนาลวดลายใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่ลวดลายของ Dior ก็ยังคงความคลาสสิก สำคัญที่ทำให้ลูกค้ายังรัก Dior ไม่ไปไหน เพราะคุณภาพของสินค้ามีความละเอียดอ่อนสูงสุด เช่น การผลิตกระเป๋า Dior นั้นใช้ฝีมือช่างชั้นสูง ทำอย่างปราณีต จึงทำให้ให้ลวดลายมีความสวยงาม คงทน และมีมูลค่า

Credits : Product pictures from,

Cover Images : Image by rawpixel.com on Freepik

สาระทั่วไป
24/07/2024

ทำความรู้จัก Luxury แบรนด์เนม งานอาร์ตตัวแม่ เจ้าของลายโมโนแกรมดอกไม้สี่แฉก ที่มี ลิซ่า เป็น House Ambassador

หากกล่าวถึง Luxury แบรนด์เนมแบรนด์นึงที่ครองใจคนทั้งโลกมาอย่างยาวนาน นอกจากคุณภาพและดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ที่ยึดเหนี่ยวเหล่าสาวกผู้ภักดีมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ยังมีสิ่งๆ นึงที่ทำให้ทั้งโลกที่เป็น “ลูกค้า” หรือ “ยังไม่เคยเป็นลูกค้า” ของแบรนด์นี้มาก่อนต้องรู้สึกตราตรึงติดตาด้วยมนต์สเน่ห์ของโลโก้และลวดลาย “โมโนแกรมดอกไม้สี่แฉก” อันแสนจะหรูหรา อารัมภบทมาถึงตรงนี้ หลายคนคงเดาออกแล้วว่าเรากำลังพูดถึงแบรนด์ LV ใช่แล้ว.. คงไม่มีใครไม่รู้จัก “Louis Vuitton

ซึ่งยิ่งตอกย้ำให้แบรนด์ Louis Vuitton เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และทัชใจกับเด็กๆ เจเนอเรชันใหม่ โดยแบรนด์แต่งตั้ง ลิซ่า หรือที่เราคุ้นเคยกันมากกับการเรียกว่า ลิซ่า BLACKPINK ให้เป็น House Ambassador อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 แม้ว่าเมื่อเดือนก่อนหน้าก็เพิ่งแต่งตัว กงยู ไปแล้วก็ตามที เพียงความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนี้ หากมองในมุมมองของโมเดลธุรกิจแล้ว จึงน่าชื่นชมที่แบรน์มีวิสัยทัศน์ทันโลก และยังคงความนิยมอย่างอมตะนิรันด์มายาวนานถึงเกือบสองศตวรรษ และแน่นอนว่าไม่มีทีท่าจะแผ่ว ..อะไรที่ทำให้ LV เดินทางมาถึงเกือบสองร้อยปีได้จนถึงทุกวันนี้ คุณภาพสินค้า? ดีไซน์ของผลิตภัณฑ์? วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร? หรือโลโก้โมโนแกรมสุดยูนีค? จริงๆ ก็ทั้งหมดนั่นแหละ วันนี้เราจะลองไปเจาะลึกทีละเรื่องกัน

Louis Vuitton

เต็มเปี่ยมไปด้วย ดีไซน์และคุณภาพ

แบรนด์ Louis Vuitton มีต้นกำเนิดจากกรุงปารีส โดยช่างทำกระเป๋าชาวฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จจากการออกแบบกระเป๋าเดินทางที่มีน้ำหนักเบา ทนทาน และกันน้ำ ทำให้ทั้งดีไซน์และคุณภาพสินค้าของเขาได้รับความนิยมจากนักเดินทางที่มีฐานะร่ำรวย และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ชื่อของแบรนด์ก็ตรงตามชื่อของช่างผู้ก่อตั้งเลย ไม่ซับซ้อน “หลุยส์ วิตตอง” นั่นเอง

สาขาแรกเปิดในกรุงลอนดอน ต่อมาเขาได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป อเมริกา และเอเชีย เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น บริหารกันจนแบรนด์กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลก ที่โด่งดังจากสินค้าหนัง กระเป๋าเดินทาง และเครื่องประดับ ที่มีคุณภาพสูง และดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา ปัจจุบันเป็นเจ้าของโดย LVMH Moët Hennessy หนึ่งในกลุ่มบริษัทสินค้าหรูหราที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ข้อมูลปี ค.ศ. 2024)

ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพสูง

เป็นที่รู้กันดีว่าสินค้าของแบรนด์นี้มีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพที่สูง โดยมีจุดเด่นดังต่อไปนี้:

  • วัสดุ : ใช้วัสดุคุณภาพสูงเท่านั้น เช่น หนังแท้ ผ้าใบ แคนวาส โลหะมีค่า อัญมณี ทุกชิ้นผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้วัสดุที่ดีที่สุด
  • การออกแบบ : สินค้าออกแบบโดยดีไซเนอร์ชั้นนำ เน้นความคลาสสิก เหนือกาลเวลา ผสมผสานกับเทรนด์แฟชั่นปัจจุบัน ทำให้สินค้าดูทันสมัยและน่าดึงดูด
  • งานฝีมือ : สินค้าผลิตด้วยมือโดยช่างฝีมือที่มีประสบการณ์สูง ทุกชิ้นผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าได้มาตรฐานสูงสุด
  • ความทนทาน : สินค้ามีชื่อเสียงในเรื่องความทนทาน ใช้งานได้ยาวนานหลายปี คุ้มค่ากับการลงทุน

Flagship Products !

  • กระเป๋า : ผลิตจากหนังแท้คุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้หลายปี มีดีไซน์ที่หลากหลาย ทั้งแบบคลาสสิกและแบบทันสมัย
  • รองเท้า : ผลิตจากหนังแท้ หรือผ้า ดีไซน์สวยงาม ใส่สบาย ทนทาน
  • เครื่องประดับ : ผลิตจากวัสดุชั้นดี ดีไซน์สวยงาม เหมาะกับทุกโอกาส
  • น้ำหอม : ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ กลิ่นหอมหรูหรา ติดทนนาน

อย่างไรก็ตาม สินค้ามีราคาค่อนข้างแพง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง ดีไซน์สวยงาม และทนทาน

โมโนแกรมดอกไม้สี่แฉก

“ทำไมโลโก้แบรนด์ Louis Vuitton ถึงจดจำง่าย ทำออกมาได้ดี และหรูหรา ?” คำถามนี้น่าสนใจและชวนติดตาม โลโก้เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้ และถึงแม้ว่าจะทำออกมาสวย แต่การทำให้คนทั้งโลกจดจำได้ง่าย.. กลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม ไม่มีใครกล้าปฏิเสธหากจะบอกว่าคนที่เป็น “ลูกค้า” หรือ “ยังไม่เคยเป็นลูกค้า” ของแบรนด์นี้มาก่อน ต่างต้องรู้สึกตราตรึงติดตาด้วยมนต์สเน่ห์ของโลโก้ “LV” ผสมผสานกับลายโมโนแกรมดอกไม้สี่แฉก กลายเป็นหนึ่งในโลโก้แบรนด์ที่จดจำง่ายและโด่งดังที่สุดในโลก

แรงบันดาลใจ

โลโก้ LV ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหลายแหล่ง ดังนี้

  • ลายคามอน (Kamon) ของญี่ปุ่น : ลวดลายนี้เป็นลายประจำตระกูลที่ใช้สืบทอดกันมาในญี่ปุ่น Georges Vuitton ลูกชายของผู้ก่อตั้งแบรนด์ นำลวดลายคามอนมาประยุกต์ใช้กับโลโก้ LV ในปี 1896 ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
    • เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ : ในยุคนั้น กระเป๋ามักถูกเลียนแบบลวดลายอยู่บ่อยครั้ง ลายคามอนมีเอกลักษณ์และยากต่อการลอกเลียนแบบ
    • สื่อถึงวัฒนธรรมตะวันออก : ลายคามอนได้รับความนิยมในยุโรปช่วงนั้น การนำลายคามอนมาใช้เป็นการแสดงถึงความทันสมัยและความมีรสนิยม
  • รูปปั้นนางอัปสร : บางคนเชื่อว่า Georges Vuitton ได้แรงบันดาลใจจากรูปปั้นนางอัปสรในนครวัด ประเทศกัมพูชา มาออกแบบโลโก้
  • ลายกระเบื้อง : บางคนเชื่อว่า Georges Vuitton ได้แรงบันดาลใจจากลายกระเบื้องในพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส มาออกแบบโลโก้

เอกลักษณ์และจดจำได้ง่าย

โลโก้แบรนด์ Louis Vuitton นั้นมีเอกลักษณ์และจดจำได้ง่าย ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  • การออกแบบที่เรียบง่าย : โลโก้ประกอบด้วยตัวอักษรย่อ “LV” และลายโมโนแกรมดอกไม้สี่แฉก การออกแบบที่เรียบง่ายนี้ช่วยให้จดจำได้ง่าย และดูดีบนผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท
  • การผสมผสานตัวอักษรและลาย : การผสมผสานตัวอักษรย่อ “LV” เข้ากับลายโมโนแกรม ทำให้โลโก้ดูมีเอกลักษณ์และน่าสนใจ
  • การใช้สี : มักใช้สีน้ำตาลเข้ม สีนี้สื่อถึงความหรูหรา คลาสสิก และเหนือกาลเวลา
  • ความสมดุล : องค์ประกอบต่างๆ ในโลโก้ เช่น ตัวอักษร ลายโมโนแกรม และเส้นกรอบ จัดวางอย่างสมดุล ทำให้โลดูสบายตาและน่ามอง
  • ความคงทน : แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก ความคงทนนี้ช่วยสร้างความคุ้นเคย และทำให้โลโก้ดูน่าเชื่อถือ

เสริมสร้างด้วยปัจจัยอื่น

นอกจากการออกแบบโลโก้ที่โดดเด่นแล้ว ยังได้รับการเสริมสร้างด้วยปัจจัยอื่นๆ ดังนี้

  • ชื่อเสียงแบรนด์ : ป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลก ชื่อเสียงของแบรนด์ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับโลโก้
  • คุณภาพ : มีคุณภาพสูง ผลิตจากวัสดุชั้นดี การออกแบบที่ประณีต โลโก้บนสินค้าจึงเป็นตัวแทนของคุณภาพและความหรูหรา
  • การตลาด : ใช้กลยุทธ์การตลาดที่หลากหลาย เพื่อโปรโมทแบรนด์และโลโก้ ทำให้โลโก้เป็นที่รู้จักและจดจำไปทั่วโลก

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ โลโก้ LV จึงกลายเป็นหนึ่งในโลโก้แบรนด์ที่โด่งดังและมีมูลค่ามากที่สุดในโลก โลโก้ของแบรนด์นั้น เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ ความหรูหรา งานฝีมือ และ ประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งยังคงความคลาสสิกและเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน

Tips: เตรียม หมึกซับลิเมชั่น เตรียม กระดาษซับลิเมชั่น และ กระดาษรองรีด สั่งปริ้นลายโมโนแกรม LV มาทำซับลิเมชั่นบนเสื้อคุณดูก็ได้ รับรองสวนน่าใส่มากๆ แต่อย่านำไปขายล่ะ เดี๋ยวติดลิขสิทธิ์ !

Louis Vuitton

โมเดลธุรกิจของ Louis Vuitton ในปัจจุบัน (ปี 2024)

มาดูโมเดลธุรกิจกันบ้าง ว่าอะไรที่ทำให้แบรนด์เล็กๆ ของช่างทำกระเป๋าคนนึง ที่ต่อยอดไปเป็นธุรกิจครอบครัว และสามารถส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น จนกระทั้งสามารถบริหารให้แบรนด์ Louis Vuitton ประสบความสำเร็จอย่างมากมายในฐานะแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลก โมเดลธุรกิจของพวกเขาประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญดังต่อไปนี้:

สินค้า

  • ความหรูหรา : มุ่งเน้นไปที่การผลิตสินค้าหรูหรา โดยใช้วัสดุคุณภาพสูง การออกแบบที่ทันสมัย และงานฝีมือที่ประณีต สินค้าหลักๆ ของพวกเขา ได้แก่ กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ น้ำหอม และนาฬิกา
  • ควบคุมคุณภาพ : มีชื่อเสียงในเรื่องการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด สินค้าทุกชิ้นผลิตขึ้นในโรงงานของตัวเอง ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าได้มาตรฐานสูงสุด
  • กลยุทธ์การไม่ลดราคา : ไม่เคยลดราคาสินค้า กลยุทธ์นี้ช่วยรักษาภาพลักษณ์แบรนด์และความพิเศษของสินค้า

การตลาด

  • ภาพลักษณ์ : สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่หรูหรา มีระดับ เหนือกาลเวลา และเข้าถึงได้ยาก
  • การโฆษณา : ใช้กลยุทธ์การโฆษณาที่หลากหลาย เช่น การโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ ป้ายโฆษณา และการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ
  • ดิจิทัล : ให้ความสำคัญกับช่องทางดิจิทัล มีเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียที่แข็งแกร่ง นำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่น และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า
  • Influencer : มักจะร่วมมือกับ Influencer หลากหลายวงการ ทั้ง ดารา และบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อโปรโมทสินค้าและแบรนด์

การจัดจำหน่าย

  • ร้านค้า : มีเครือข่ายร้านค้าหรูหราทั่วโลก ตั้งอยู่ในแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญ ตกแต่งร้านอย่างสวยงาม มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่หรูหรา
  • การขายออนไลน์ : มีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้
  • ห้างสรรพสินค้า : ยังมีสินค้าวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำบางแห่ง

กลยุทธ์อื่นๆ

  • การสร้างประสบการณ์ : มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่พิเศษให้กับลูกค้า เช่น การจัดแฟชั่นโชว์ กิจกรรมพิเศษ และบริการส่วนตัว
  • ความยั่งยืน : ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการก่อมลพิษ
  • การผสมผสาน : มักจะผสมผสานดีไซน์คลาสสิกกับเทรนด์แฟชั่นปัจจุบัน ทำให้สินค้าของพวกเขาทันสมัยและน่าดึงดูด

Key Takeaways

โมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่งของแบรนด์ Louis Vuitton ช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างมาก กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีค่าที่สุดในโลก และเป็นที่นิยมของลูกค้าทั่วโลก คีย์เวิร์ดสำคัญคือแบรนด์มุ่งเน้นไปที่คุณภาพสินค้า สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีกลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รู้จักสร้างกระแส และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ที่สำคัญที่สุดคือหนึ่งในเรือธงที่ดึงดูดลูกค้าได้ทุกเจเนอเรชัน ก็คือ โลโก้ลายโมโนแกรมอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ ความหรูหรา งานฝีมือ และ ประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งยังคงความคลาสสิกและเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน องค์ประกอบเหล่านี้ผสมผสานกันและช่วยทำให้แบรนด์แยกตัวออกจากคู่แข่ง และกลายเป็นหนึ่งในโลโก้แบรนด์ที่โด่งดังและประสบความสำเร็จอย่างมากมายในฐานะแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลก มียอดขายหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี

Credit Images : https://th.louisvuitton.com/

สาระทั่วไป
25/06/2024

รวม ไอเดียออกแบบโลโก้ งานกราฟิกดีไซน์ ตอบโจทย์ตรงเป้าทุกธุรกิจ

การออกแบบกราฟิกดีไซน์ เพื่อสร้างแบรนดิ้งของคุณให้สามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้ตามเป้าหมาย มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาในหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกัน ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่างานที่ได้ทำการออกแบบมานั้น ไม่เพียงแค่ดูดีเท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพในการสื่อสารและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด และแน่นอนว่าสิ่งแรกที่จะสร้าง first impression รักแรกพบให้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ นั่นคือพลังจากอิทธิพลของ “โลโก้” ซึ่งถ้าหากในตอนนี้คุณยังไม่มี ไอเดียออกแบบโลโก้ ดี ๆ สำหรับใช้ในการออกแบบสร้างแบรนด์ หรือทำ Brand Archetypes ให้ธุรกิจของตัวคุณเอง ไม่ต้องห่วง… ถือว่าเป็นโชคดีที่ในยุคแห่งเทคโนโลยีและโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ทำให้คุณสามารถเข้ามาเลือกดูงานออกแบบจากแหล่งไอเดียตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก รับรองว่าคุณจะมีไอเดียใหม่ ๆ มาต่อยอดงานได้อย่างแน่นอน.. และต่อไปนี้คือแหล่งที่มาของงานออกแบบกราฟิกดีไซน์ที่ user ทั่วโลกต่างยอมรับ

1. Pinterest

แหล่งรวมภาพ งานกราฟิก งานออกแบบที่หลากหลาย ที่นี่คุณสามารถเลือกงานสวย ๆ เพื่อนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบได้มากมาย ข้อดีของการหาไอเดียจาก Pinterest มีดังนี้

ไอเดียออกแบบโลโก้

ความหลากหลายของเนื้อหา

หลากหลายหมวดหมู่ : Pinterest มีเนื้อหาที่ครอบคลุมและหลากหลายหมวดหมู่ เช่น การ ออกแบบกราฟิก แฟชั่น อาหาร การตกแต่งบ้าน งานศิลปะ และอื่น ๆ

แนวคิดและสไตล์ที่หลากหลาย : มีงานออกแบบจากทั่วโลกที่นำเสนอแนวคิดและสไตล์ที่แตกต่างกัน ทำให้คุณสามารถหาไอเดียใหม่ ๆ ได้ง่ายแบบไม่จำกัด

ค้นหาและจัดระเบียบได้ง่าย

ระบบค้นหาที่มีประสิทธิภาพ : ทำให้คุณสามารถค้นหาไอเดียตามคำค้นหรือหมวดหมู่ที่สนใจได้สะดวก

บอร์ดส่วนตัว : ผู้ใช้สามารถสร้างบอร์ดส่วนตัวเพื่อเก็บรวบรวมไอเดียที่ชื่นชอบและจัดระเบียบให้เป็นหมวดหมู่ได้ตามต้องการ

การสร้างแรงบันดาลใจและแนวคิดใหม่ ๆ

ภาพตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจ : ที่นี่เป็นแหล่งรวมภาพตัวอย่างที่น่าสนใจและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ใช้งานมากมาย ซึ่งช่วยให้คุณมีไอเดียใหม่ ๆ ในการออกแบบได้ง่ายมากขึ้น

เทรนด์และแนวโน้ม : สามารถติดตามเทรนด์และแนวโน้มการออกแบบล่าสุดได้จากภาพที่มีคนแชร์และกำลังเป็นที่ได้รับความนิยม

การเรียนรู้และพัฒนา

บทความและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม : นอกจากจะเป็นเว็บไซต์ที่รวมภาพตัวอย่างมากมายแล้ว ก็ยังมีบทความและลิงก์ที่เชื่อมไปยังแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง เช่น บทความเกี่ยวกับ งานออกแบบ เทคนิคใหม่ ๆ และเทรนด์ที่กำลังมาแรงให้เลือกดูอีกด้วย

เรียกได้ว่าเว็บไซต์ Pinterest เป็นแหล่งไอเดียยอดนิยมที่มีประโยชน์มากสำหรับนัก ออกแบบกราฟิก และผู้ที่ต้องการหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการทำงาน การใช้ Pinterest ให้มีประสิทธิภาพจะช่วยทำให้คุณสามารถพัฒนาและสร้างสรรค์งานออกแบบที่ตอบโจทย์และน่าสนใจได้มากยิ่งขึ้น

2. Behance 

แพลตฟอร์มยอดนิยมที่นักออกแบบสามารถแชร์ผลงาน และดูผลงานจากผู้อื่นเพื่อนำมาเป็นไอเดียใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานได้มากมาย ทั้งนี้ข้อดีของการใช้เว็บไซต์ Behance มีหลายเรื่องด้วยกัน ดังนี้

ไอเดียออกแบบโลโก้

ผลงานคุณภาพสูงจากทั่วโลก

งานออกแบบระดับมืออาชีพ : Behance เป็นแหล่งรวบรวมผลงานจากนักออกแบบและศิลปินระดับมืออาชีพจากทั่วโลก ทำให้คุณสามารถเห็นผลงานที่มีคุณภาพและนำมาสร้างเป็นแรงบันดาลใจได้

งานออกแบบ หลากหลายประเภท : ที่เว็บนี้มีผลงานให้เลือกชมหลากหลายสาขา เช่น การออกแบบกราฟิก แฟชั่น ออกแบบผลิตภัณฑ์ แอนิเมชัน ภาพถ่าย และอื่น ๆ

การค้นหาและการจัดระเบียบที่สะดวก

การค้นหาแบบเฉพาะเจาะจง : คุณสามารถค้นหาผลงานตามประเภทงาน, สไตล์, เครื่องมือที่ใช้ หรือแม้กระทั่งตำแหน่งที่ตั้งของนักออกแบบที่คุณสนใจได้ตามต้องการ

การจัดระเบียบผลงาน : ผู้ใช้สามารถสร้างคอลเลกชันส่วนตัวเพื่อรวบรวมผลงานที่ชื่นชอบและแบ่งเป็นหมวดหมู่ได้ตามต้องการ

การติดตามผลงานของนักออกแบบ

ติดตามนักออกแบบที่ชื่นชอบ : คุณสามารถติดตามผลงานของนักออกแบบหรือสตูดิโอที่คุณชื่นชอบได้ อีกทั้งยังสามารถรับการแจ้งเตือนเมื่อมีผลงานมาใหม่ได้อีกด้วย

การสร้างเครือข่าย : Behance เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อและสร้างเครือข่ายกับนักออกแบบคนอื่น ๆ และผู้ว่าจ้างงานได้อย่างอิสระ

Behance เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ช่วยให้นักออกแบบสามารถใช้เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ และนำมาต่อยอดไอเดียงานออกแบบใหม่ ๆ ได้ อีกทั้งยังสามารถสร้างเครือข่ายในวงการออกแบบ รวมไปถึงสร้างโอกาสทางอาชีพได้มากขึ้นอีกด้วย

3. Dribbble

แพลตฟอร์มสำหรับนักออกแบบที่ต้องการแสดงผลงานและหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่มีผลงานการออกแบบที่หลากหลาย และยังใช้งานได้ง่ายมาก ๆ อีกด้วย

ไอเดียออกแบบโลโก้

ชุมชนนักออกแบบ

เครือข่ายนักออกแบบมืออาชีพ : Dribbble รวบรวมนักออกแบบและศิลปินจากทั่วโลก ซึ่งทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญในวงการได้ง่ายมากขึ้น

การแสดงผลงาน : ผู้ใช้สามารถแสดงผลงานของตนเองและเปิดรับความคิดเห็นจากชุมชน ซึ่งช่วยให้สามารถพัฒนาทักษะและปรับปรุงผลงานให้ดีได้มากขึ้น

ความหลากหลายของงานออกแบบ และ ไอเดียออกแบบโลโก้

งานออกแบบหลากหลายประเภท : Dribbble มีผลงานที่น่าสนใจหลากหลายสาขาด้วยกัน เช่น การ ออกแบบกราฟิก เว็บดีไซน์ ออกแบบไอคอน แอนิเมชัน UX/UI และอื่น ๆ

แนวคิดและสไตล์ที่หลากหลาย : แหล่งรวมผลงานหลากหลายรูปแบบ โดยนำเสนอแนวคิดและสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้คุณสามารถหาไอเดียใหม่ ๆ และมุมมองที่หลากหลายได้มากขึ้น

ระบบค้นหาและการติดตามที่มีประสิทธิภาพ

การค้นหางานตามหมวดหมู่ : คุณสามารถค้นหางานตามหมวดหมู่ คำค้น หรือแท็กที่สนใจได้ตามต้องการ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันที่ใช้งานได้ง่ายอีกด้วย

การติดตามผลงานนักออกแบบ : ผู้ใช้สามารถติดตามผลงานของนักออกแบบที่ชื่นชอบ และรับการแจ้งเตือนเมื่อมีผลงานใหม่ ๆ ที่น่าสนใจได้

การสร้างแรงบันดาลใจและการพัฒนา

แรงบันดาลใจจากผลงานหลายรูปแบบ : Dribbble มีผลงานมากมายที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องของสไตล์ สีสัน และการจัดวาง

การเรียนรู้จากผู้อื่น : นอกจากนี้คุณยังสามารถเรียนรู้เทคนิค และแนวคิดใหม่ ๆ จากผลงานของนักออกแบบคนอื่น ๆ ในชุมชนได้อีกด้วย

เพียง 3 เว็บไซต์ยอดนิยมนี้ คุณก็น่าจะได้ ไอเดียออกแบบโลโก้ แบบจุก ๆ ไปเรียบร้อยแล้วแหละ แต่ถ้ายังไม่พอ ! นอกจากเว็บไซต์ข้างต้น ก็ยังมีแหล่งไอเดียดี ๆ อีกหลายเว็บด้วยกัน เช่น Canva , The design blog , Flickr , DeviantArt เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถเข้าไปเลือกชมผลงานการออกแบบกราฟิกของศิลปินได้ตามต้องการ และที่สำคัญเว็บไซต์ต่าง ๆ เหล่านี้ยังเปิดให้คุณนำผลงานมาแสดงเพื่อหารายได้เสริมได้อีกด้วย.. น่าสนใจใช่ไหมล่ะ ! หยิบ กระดาษทรานเฟอร์ หรือ กระดาษซับลิเมชั่น ที่คุณมีตามต้องการ เตรียม หมึกซับลิเมชั่น และ เครื่องรีดร้อน ของคุณให้พร้อมแล้วลุยกันเลย !

Cover Image : Image by freepik

สาระทั่วไป
23/05/2024

ออกแบบสินค้า Build-up แบรนด์ให้น่าจดจำ

ปัจจุบันการทำธุรกิจให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีความจำเป็นที่จะต้องทำการตลาด หรือสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าให้เป็นเอกลักษณ์ และสามารถจดจำได้ง่าย ซึ่งหนึ่งในเทคนิคทางการตลาดที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การ ออกแบบสินค้า และสกิลด้านการออกแบบกราฟิกดีไซน์ สกิลสำคัญที่จะเข้ามาช่วยทำให้สินค้าจดจำได้ง่าย และมีความแตกต่างจากคู่แข่ง ในบทความนี้เราได้รวบรวมเทคนิคการออกแบบ เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำมาฝาก แต่จะมีทริค หรือขั้นตอนการทำงานอย่างไรบ้างนั้น อย่ารอช้า ตามเรามาดูกันได้เลย.. รับรองว่าสินค้า หรือบริการของคุณจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างแน่นอน

7 เคล็ดลับ ออกแบบสินค้าให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำ

การ ออกแบบกราฟิกดีไซน์ เพื่อสร้างแบรนด์สินค้า หรือบริการให้เป็นที่จดจำได้ง่าย เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทาง การตลาด ที่ช่วยเพิ่มยอดขาย อีกทั้งยังช่วยทำให้แบรนด์สินค้า หรือบริการเป็นที่รู้จักในวงกว้างได้มากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การออกแบบกราฟิก เพื่อสร้างภาพที่น่าจดจำให้กับสินค้า หรือบริการ จึงเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากมันจะช่วยทำให้สินค้า หรือบริการของคุณติดอยู่ในใจของลูกค้าได้อย่างยั่งยืนแล้ว ก็ยังสามารถสร้างความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์จากคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ๆ เลยทีเดียว

ออกแบบสินค้า
Image by Freepik

1. การออกแบบสัญลักษณ์และโลโก้ที่สะดุดตา

การ ออกแบบโลโก้ ให้มีความโดดเด่นและสื่อความหมายที่สอดคล้องกันกับสินค้า หรือบริการอย่างชัดเจน รวมไปถึงมีความแตกต่างจากคู่แข่ง จะช่วยทำให้สินค้าของคุณเป็นที่จดจำได้ง่ายมากขึ้น 

2. การใช้สีอย่างเหมาะสม

สี มีอิทธิพลต่ออารมณ์และการรับรู้ของคนเป็นอย่างมาก ดังนั้นการ ออกแบบกราฟิกดีไซน์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้สีที่สอดคล้องกับบรรยากาศและความรู้สึกที่คุณต้องการสร้างขึ้นสำหรับสินค้า หรือบริการให้มากที่สุด

3. การใช้ภาพและกราฟิก

การใช้ภาพและกราฟิก ที่มีคุณภาพ และเป็นงานที่สร้างสรรค์ จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ และช่วยทำให้สินค้าของคุณเป็นที่จดจำได้ง่าย อีกทั้งยังติดอยู่ในใจของลูกค้าได้นานขึ้น

ออกแบบสินค้า
Image by Freepik

4. การใช้การออกแบบที่เป็นมาตรฐาน

การใช้การออกแบบที่เป็นมาตรฐาน และเป็นรูปแบบที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ จะสามารถช่วยทำให้สินค้าของคุณดูน่าเชื่อถือ และมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น

5. การเน้นข้อความที่สื่อความหมาย

การใช้ข้อความที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน และสามารถสื่อสารได้อย่างสร้างสรรค์ จะสามารถช่วยเพิ่มความน่าจดจำให้กับสินค้า หรือบริการของคุณได้ ซึ่งอาจเลือกใช้คำที่โดดเด่น หรือคำสร้างสรรค์ที่เหมาะสม

6. การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing

การใช้เนื้อหาที่มีคุณค่า เพื่อสร้างความสนใจและความไว้วางใจต่อลูกค้า ด้วยการให้ข้อมูลที่มีประโยชน์และเชื่อถือได้เกี่ยวกับสินค้า หรือบริการ จะเป็นการช่วยทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักได้เป็นอย่างดี

7. การทดสอบและปรับปรุง

หลังจากที่คุณ ออกแบบสินค้า และวางแผนกลยุทธ์ทาง การตลาด ของคุณเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรทำการทดสอบและเก็บข้อมูล เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุดด้วย

ออกแบบสินค้า ให้มี “Attraction” สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร

การ ออกแบบสินค้า การออกแบบกราฟิกดีไซน์ เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าหรือบริการ ให้เป็นที่น่าจดจำนั้น ไม่ได้เป็นแค่เพียงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้การวางแผน และการใช้กลยุทธ์ เทคนิคทาง การตลาด มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยทำให้คุณสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสมและตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากที่สุด 

ออกแบบสินค้า
Image by Freepik

หนึ่งในแผนการตลาดที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงต่อสถานการณ์ในปัจจุบันมากที่สุดก็คือ การโปรโมท หรือการสื่อสารตามช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งหากต้องการให้สินค้า หรือบริการเป็นที่รู้จัก และจดจำได้ง่าย ก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้กราฟิกดีไซน์ ออกแบบสินค้า เข้ามาช่วยทำให้สินค้า หรือบริการของคุณมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น นอกจากการ ออกแบบกราฟิกดีไซน์ จะมีความสำคัญต่อการสร้างสินค้าให้เป็นที่จดจำแล้ว ก็ยังมีความสำคัญในด้านต่าง ๆ อีกหลายด้านด้วยกัน

  • สร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่น : การออกแบบกราฟิกที่ดีสามารถช่วยสร้างความรู้สึกประทับใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้า หรือบริการของคุณได้ เพราะลูกค้ามักจะจดจำสินค้าที่มีรูปแบบและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
  • สร้างความแตกต่าง : การใช้ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น จะช่วยทำให้สินค้า หรือบริการ มีความแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมการจดจำและช่วยให้คุณได้รับผลตอบรับจากตลาดได้ดีมากขึ้น
  • สร้างความสนใจ และเพิ่มความต้องการทางการตลาด : ดีไซน์ที่สวย เป็นเอกลักษณ์จดจำง่าย จะสามารถช่วยทำให้สินค้า หรือบริการเป็นที่ต้องการของตลาดได้มากขึ้น 
  • การสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ : ดีไซน์ที่จดจำง่าย และเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากคู่แข่ง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ของคุณได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อลูกค้าเห็นโลโก้ หรือดีไซน์ ก็จะจำได้ในทันที อีกทั้งยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย 
  • เพิ่มยอดขายและสร้างความจำที่ดีให้กับลูกค้า : ดีไซน์ที่ดี สามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้ ลูกค้าจะกลับมาซื้อสินค้า หรือบริการของคุณอีกครั้ง เมื่อพวกเขาจดจำดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นจุดเด่นสำคัญของคุณได้

Cover Image : Image by Freepik

สาระทั่วไป
22/04/2024

เกาะกระแส เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์ 2024 ที่กำลังมาแรงในยุคดิจิตัล

ปัจจุบันเราได้เห็นงานดีไซน์ การออกแบบ ศิลปะ ใหม่ ๆ กันมากมาย และที่แน่ ๆ หลายคนคงจะคุ้นชินกับคำว่า AI หรือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มาบ้างแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทในวงการศิลปะการออกแบบ และงานด้านกราฟิกดีไซน์มากขึ้นในทุกวัน และในบทความนี้เราจะพาคุณไปส่อง เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์ ที่กำลังมาแรงอย่างในช่วงนี้กันว่ามีอะไรบ้าง อย่ารอช้า ตามมาดูกันเลย

สำหรับใครที่อยากย้อนอดีตดูเทรนด์งานกราฟิกดีไซน์ปีที่ผ่านมา ไปดูได้ที่ https://www.bestsublimationthai.com/new/general/trends-graphic-design-2023-for-sublimation-technique/

กระแสปัญญาประดิษฐ์ AI Assistance กับ เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์

ก่อนอื่นชาวกราฟิกดีไซน์เนอร์ นักออกแบบทุกคนคงทราบดีอยู่เแล้วว่า การนำ AI เข้ามาช่วยในการดีไซน์งานให้ออกมาสมบูรณ์แบบ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทำให้ประหยัดเวลาไปได้มากเลยทีเดียว อีกทั้ง AI ยังช่วยวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สี แบบอักษร สไตล์ เพื่อให้ชิ้นงานออกมาสอดคล้องกัน เพิ่มความสวยงาม ทันสมัย เป็นที่น่าสนใจได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว และรายชื่องานเทรนด์งานออกแบบต่อไปนี้คุณสามารถเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน หรือนำไปต่อยอดในงานออกแบบของคุณได้เลย รับรองสนุกแน่นอน และเจ้า AI ที่จะคอยช่วยเหลือคุณในงานนี้ ได้แก่ เครื่องมือที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก็มีหลายโปรแกรมด้วยกัน เช่น Midjourney, Canva AI, DALL-E เป็นต้น.. ลุย !

Barbie’s Pink Highlight

เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์
Image by freepik

เป็นเทรนด์การดีไซน์ที่ฮิตเปรี้ยงปร้างที่เกิดขึ้นจากภาพยนตร์ Barbie (2023) ซึ่งหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ก็มีกระแส Barbenheimer โดยใช้ธีมสีชมพูสดใส มาผสมกับลูกกวาดสีหวาน ออกแบบมาเป็น Element ต่าง ๆ ทำให้เกิดมีการแมตช์สีกันขึ้นระหว่าง สีชมพู-ดำ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงอย่างมากเลยทีเดียว

Geometric Shapes Highlight

เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์
Image by freepik

เทรนด์นี้มาในรูปแบบภาพทรงเรขาคณิตที่ใช้ในการช่วยเพิ่มความลึก และการกระจายแสง นอกจากนี้ยังนำมาออกแบบสร้างเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ให้น่าดึงดูด คล้ายแนวอาร์ตเดโค (Art Deco) แม้ว่าจะเป็นเทรนด์เก่าแต่ก็มีแนวโน้มที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าหากนำมาปรับแต่งใหม่ ก็ช่วยเพิ่มชิ้นงานให้มีความทันสมัย ดูโดดเด่นไม่แพ้เทรนด์อื่น ๆ แน่นอน

Dot Display Graphics Highlight

เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์
Image by Mateus Andre on Freepik

เป็นเทรนด์ที่เน้นการใช้จุดขาวดำ ในงานดีไซน์และแบบตัวอักษรเป็นหลัก เพิ่มความล้ำสมัย ดูมินิมอล และย้อนยุคไปในตัว การนำเทรนด์จุดมาใช้ออกแบบ ดีไซน์ หรือสร้างสรรค์ชิ้นงาน ทำให้เกิดความคลาสิก ในศิลปะแบบร่วมสมัยและย้อนยุคได้ในช่วงเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่น้อยเลยทีเดียว

Maximalism Highlight

เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์
Image by freepik

เป็น เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์ ที่เน้นความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีสัน และรูปทรง โดยใช้ภาพที่มีลวดลาย หรือใช้วัสดุที่มีสีสันสวยงาม ทำให้ชิ้นงานมีความสนุกสนาน เพิ่มความสดใสและมุ่งเน้นให้สิ่งต่าง ๆ ที่แสดงออกมานั้นเป็นจุดเด่น หรือเป็นจุดสนใจ โดยทั่วไปเทรนด์นี้จะทำให้มีความรู้สึกว่าการตกแต่งนั้นมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แสดงถึงตัวตนออกมาได้เป็นอย่างดี

Retro Futurism Highlight

Image by freepik

มีการผสมผสานระหว่างสไตล์ย้อนยุคและสไตล์อนาคต โดยใช้สีสันที่สดใส รูปทรงที่เป็นเอฟเฟกต์ และภาพที่มีลวดลาย คล้ายแนวภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ย้อนยุค เพื่อสร้างความสนุกสนานและความพิเศษให้กับผู้ที่ได้เห็น หรือรับชมผลงาน เทรนด์นี้ถูกนำเข้ามาใช้ในงานศิลปะ ดีไซน์ ที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ และเทคโนโลยีในปัจจุบัน

Pixels Rediscovered Highlight

เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์
Image by rawpixel.com on Freepik

เป็นเทรนด์ที่นำเสนอเรื่องราวเก่าๆ ในมุมมอง หรือรูปแบบใหม่ เช่น การนำเสนอผลงานศิลปะเก่าในรูปแบบดิจิทัลอาร์ต หรือการนำเสนอเทรนด์การแต่งรูปใหม่โดยใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยใช้วิธีการผสมผสานพิกเซลย้อนยุค (8 bit pixel) กับสไตล์สมัยใหม่ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเว็บไซต์ในยุคแรก หรือ เกม 8 บิต เพื่อสร้างความสนใจใหม่ๆ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาจริง ๆ

Reeded Glass Effect Highlight

เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์
Image by rawpixel.com on Freepik

เป็นเทรนด์การออกแบบภายใน หรือออกแบบสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นการอธิบายให้เห็นถึงการใช้แสงและเงา โดยการเน้นไปที่กระจกที่มีลักษณะยาวและแคบ เรียกได้ว่าเป็นการสร้างสรรค์เอฟเฟกต์ที่น่าสนใจ เพราะมีลวดลายที่สวยงามในพื้นผิวกระจกนั้น การใช้แสงให้มีการสร้างเงาในลวดลายของกระจกแบบนี้อาจทำให้เกิดเอฟเฟกต์ที่น่าสนใจและมีความลึกลับ ดูน่าค้นหามากขึ้น ทั้งนี้การสร้างชิ้นงานในรูปแบบเทรนด์นี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและการออกแบบของแต่ละโปรเจกต์ด้วย

คอยอัปเดตเทรนด์ใหม่เป็นประจำ

ทั้งหมดนี้ก็เป็น เทรนด์งานกราฟิกดีไซน์ ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ และก็ยังมีเทรนด์ดี ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งในบางเทรนด์นั้น เราเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะได้เห็นผลงานกันไปบ้างแล้ว และในแต่ละรูปแบบนั้นก็จะมีเอกลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้การสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาได้ตรงกับความต้องการ ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการสร้างงานแต่ละโปรเจคเป็นหลัก แต่นักออกแบบต้องไม่ลืมว่า ในทุก ๆ ปี เทรนด์ต่าง ๆ เหล่านี้ก็มีจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากคุณอยากสร้างผลงานให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมาย ต้องคอยอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ เป็นประจำ เพื่อให้ได้ผลงานที่ทันสมัย ตรงกับความต้องการ และไม่ตกกระแสความนิยมให้ได้มากที่สุด

Cover Image : Image by freepik

สาระทั่วไป
16/03/2024

“สร้างอิทธิพลต่อการซื้อ” เทคนิคการจับคู่สี ออกแบบโลโก้ งานสกรีนเสื้อยืด

หากใครกำลังออกแบบโลโก้ คิดลายงานสกรีนเสื้ออยู่ รวมไปถึงทำป้ายร้าน ป้ายโฆษณา แบนเนอร์ต่าง ๆ และยังไม่แน่ใจว่าจะต้องเลือกสีอะไรดี สีที่ชอบ สีที่ใช้ สีที่ถูกโฉลก หรือมีการจับคู่สีอย่างไรดี เพื่อให้งานที่ดีไซน์ออกมาดูสอดคล้องกัน สวยงาม กลมกลืน เหมาะกับสินค้า.. คุณมาถูกที่แล้ว ! บทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจถึงการจับคู่สีมากขึ้น รวมถึงเข้าใจว่าทำไมการจับคู่สีให้เหมาะสมจึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการซื้อหรือใช้บริการของลูกค้า อย่างที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปดู เทคนิคการจับคู่สี กันเลยดีกว่า

มาดูกัน เทคนิคการจับคู่สี มีหลักการอย่างไร

หากได้ยินคำว่า เทคนิคการจับคู่สี เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ทำงานเกี่ยวกับงานศิลปะและดีไซน์ คงสามารถนึกเทคนิคออกมาได้เยอะ แต่สำหรับในบทความนี้จะยกตัวอย่างเทคนิคที่เป็นกระแสนิยมที่คนส่วนใหญ่ได้ใช้กันทั่วโลก ที่จะต้องปูพื้นฐานให้แน่นก่อน จำเป็นจะต้องรู้จัก วงล้อสี (Color Wheel) เป็นแผนภาพหรือเครื่องมือที่ใช้ในการสามารถจัดเรียงและแสดงสีทั้งหมด โดยจะสามารถแบ่งได้เป็น 3 Layer คือ

  • สีหลัก (Primary color) หรือแม่สี สีแดง, สีเหลือง และสีน้ำเงิน
  • สีรอง (Secondary color) เป็นสีที่เกิดจากการผสมกันระหว่างสีหลัก สีส้ม, สีเขียว และสีม่วง
  • สีตติยภูมิ (Tertiary color) เป็นสีที่เกิดจากการผสมกันระหว่างสีหลักและสีรอง ส้มเหลือง, ส้มแดง, เขียวเหลือง, เขียวน้ำเงิน, ม่วงแดง และม่วงน้ำเงิน
เทคนิคการจับคู่สี
Image by master1305 on Freepik

นอกจากสีในแต่ละ Layrer ที่คุณได้รู้จักแล้วด้านบน จริง ๆ เพียงแค่นี้ก็ว้าวแล้วสำหรับการนำไอเดียไปออกแบบ แต่หากคุณได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า “โทนสี” อีกซักหน่อย จะทำให้คุณออกแบบงานได้ตรงกับคอนเซ็ปงานและเล่นกับความรู้สึกที่อยากจะสื่อผ่านงานออกแบบของคุณได้มากยิ่งขึ้น ! ซึ่ง โทนสี สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ตามหลายคำจำกัดความ แต่ในบทความนี้จะขอยกโทนสีออกเป็น 2 ประเภท โดยแบ่งได้เป็นสีโทนเย็นและสีโทนร้อน ถ้าหากเราลากเส้นกึ่งกลางตัดตรงกลางระหว่างวงล้อสี จะสามารถแบ่งสีโทนร้อนและโทนเย็นออกจากกันได้ทันที 

  • สีโทนเย็น เป็นโทนสีที่ให้ความรู้สึกสงบ น่าค้นหา ความสันโดษ
  • สีโทนร้อน เป็นโทนสีที่ให้ความรู้สึกมีพลัง อบอุ่น โดดเด่น สะดุดตา

แค่สองโทนก็ทำให้คุณออกแบบงานในระดับพื้นฐานถึงระดับปานกลางแล้วแหละ เช่น ถ้าคุณมีร้านชาบูหมาล่า และคุณให้คอนเซ็ปสินค้าคือเผ็ดซ่าชาลิ้น ดังนั้น ถ้าคุณจะออกแบบลายเสื้อสกรีนของพนักงานร้าน คุณเลือกที่จะออกแบบไปใน โทนสีไหน ??? คุณรู้คำตอบอยู่แล้วแหละ ! เริ่มแบ่งเส้นตัดที่วงล้อสีได้เลย !!! และถ้าคุณจะใช้วิธีสกรีนลวดลายเสื้อผ่านเทคนิคซับลิเมชัน ก็อย่าลืมเตรียม กระดาษรองรีด กระดาษซับลิเมชัน และ หมึกซับลิเมชัน ให้พร้อม..

รวมเด็ด เทคนิคการจับคู่สี ที่ใช้ได้ตลอดกาล

เมื่อได้ทำความเข้าใจกับวงล้อสีแล้ว ต่อไปเป็นการทำความเข้าใจกับเทคนิคการจับคู่สี ซึ่งมีอยู่หลากหลายเทคนิค ซึ่งในแต่ละงานก็จะมีการเลือกใช้เทคนิคที่แตกต่างกัน โดยตัวอย่างเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายจะสามารถแบ่งได้เป็น

1. เทคนิคเลือกคู่สีตรงข้าม (Complementary color scheme)

เทคนิคการจับคู่สี แรกคือการเลือกสีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงล้อสีเพื่อให้สีตัดกัน เช่น สีเขียวกับสีแดง หรือ สีน้ำเงินกับสีส้ม เป็นต้น ซึ่งสีประเภทดังกล่าวจะเป็นสีที่เมื่อตัดกันแล้วจะมีความโดดเด่นและสดใส

2. เทคนิคเลือกคู่สีที่ใกล้เคียงกัน (Analogous color scheme)

คือการเลือกคู่สีที่อยู่เฉดหรือโทนสีใกล้เคียงกันหรือติดกันในวงล้อสี เช่น สีฟ้า, สีเขียว และสีน้ำเงินอมเขียว เป็นต้น โดยวิธีเลือกคู่สีที่ใกล้เคียงกันมักใช้เพื่อให้สร้างความรู้สึกกลมกลืน สามัคคี 

3. เทคนิคเลือกคู่สีแบบสมดุล (Triadic color scheme)

คือการเลือกสีจากในวงล้อโดยให้เลือก 3 จุดตรงข้ามกัน (ตัดจุดกันให้เป็นสามเหลี่ยม) เช่น การเลือกสีแดง, เหลือง และน้ำเงิน เป็นต้น วิธีดังกล่าวจะสร้างความสมดุลกันอย่างลงตัว และถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่เมื่อใช้แล้วจะทำให้น่าดึงดูด

4. เทคนิคเลือกคู่สีแบบเดียว (Monochromatic color scheme)

คือการเลือกสีที่อยู่ในโทนเดียวกันนำมาผสมกัน โดยหลักการนี้มีคนเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากชื่อของหลักการอาจจะทำให้สับสน โดยเสน่ห์ของการเลือกใช้โทนสีเดียวคือการเลือกสีเดียวกันแต่ปรับแต่ง Saturation เพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวา และทำให้งานออกมาดูหรูหรา

เทคนิคการจับคู่สี
Image by Freepik

แรวม Website ที่ช่วยในการออกแบบจับคู่สี

หากใครที่ไม่มีเวลาว่างพอหรืออาจต้องการตัวช่วยและทางลัดในการจับคู่สีให้เข้ากัน ตอนนี้ได้มีหลาย Website ที่ได้ทำการพัฒนาจนสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ทุคนสามารถเข้าไปใช้งาน ซึ่งเครื่องมือที่อยู่ในเว็บไซต์เหล่านี้จะช่วยจับคู่สีให้ตามที่ต้องการ มาดูกันว่า เทคนิคการจับคู่สี ของเว็บไหนมีความน่าสนใจบ้าง

Canva 

https://www.canva.com/colors/color-wheel/

ทุกคนคงจะรู้จัก Canva.com กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเว็บไซต์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายและเป็นเว็บไซต์อันดับต้น ๆ เมื่อพูดถึงการตกแต่งรูปภาพ หรือ วีดีโอ ฯลฯ แต่ทุกคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า Canva มี Feature ที่สามารถจับคู่สีได้เช่นกัน โดยใน Feature นี้ก็จะให้เราเลือกว่า เราต้องการจับคู่สีไปตามหลักการใด เช่น หลักการแบบ Analogous scheme (หลักการเลือกคู่สีที่ใกล้เคียงกัน) เป็นต้น

โดยรวมถือเป็นเว็บไซต์ที่ใช้งานได้ง่ายและที่สำคัญคือฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ 

Paletton

https://paletton.com/

เป็นเว็บไซต์ที่สร้างคู่มือที่ทำให้ทุกคนสามารถเลือกจับคู่สีได้ตามใจชอบ ซึ่งสามารถเลือกได้ด้วยว่าต้องการให้สีจับคู่เป็นไปตามหลักการใด โดยมีหลักการให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น หลักการแบบเลือกคู่สีที่ใกล้เคียงกัน (Analogous color scheme) หรือหลักการเลือกสีแบบสมดุล (Triadic color scheme) เป็นต้น และเมื่อได้เลือกสีที่ถูกใจแล้ว ก็สามารถนำโค้ดสีที่ขึ้นโชว์ไปใช้ในงานได้  

Coolers

https://coolors.co/

เป็นเว็บไซต์ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถจับคู่สีได้อย่างมีสีสัน โดยสำหรับเว็บไซต์นี้จะสามารถเลือกได้ว่าต้องการสร้างหรือจับคู่สีขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง แบบไม่ซ้ำใคร หรือถ้าหากใครที่ต้องการสีที่ทางเว็บไซต์จัดไว้ให้อยู่แล้ว ก็สามารถเลือกสรรได้ตามที่ต้องการ

เทคนิคการจับคู่สี
Image by senivpetro on Freepik

Key Takeaway

เทคนิคการจับคู่สี ถือว่ามีหลากหลายเป็นอย่างมาก โดยการเลือกใช้เทคนิคต่าง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของตัวผลิตภัณฑ์หรืองานบริการนั้น ๆ ว่าต้องการให้งานดีไซน์ดังกล่าวออกมาในรูปแบบใด ซึ่งหากคุณต้องการตัวช่วยในการทำงานหรือเลือกคู่สี ในยุคสมัยปัจจุบันที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูง ทำให้มีหลากหลายเว็บไซต์ที่เข้ามาแข่งขันกันจนทำให้เกิดเว็บไซต์ที่สร้างคู่มือในการช่วยจับคู่สีตามตัวอย่างข้างต้น ซึ่งจะทำให้ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ออกแบบได้มาก

Cover Image : Image by Freepik

สาระทั่วไป
13/12/2023

วิธีเลือกหมึกซับลิเมชั่น ไขข้อข้องใจเลือกหมึกแบบไหน เหมาะกับงานคุณ ?

หมึกซับลิเมชั่น (Sublimation Ink) เป็นหมึกชนิดพิเศษที่ใช้ในการพิมพ์ภาพลงบนวัสดุต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า แก้ว กระเบื้อง หรือวัสดุเคลือบอื่น ๆ โดยใช้ความร้อนในการถ่ายโอนหมึกจาก กระดาษซับลิเมชั่น ไปยังวัสดุ ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัด สวยงาม และทนทาน เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพสูง นวัตกรรมสุดล้ำนี้ช่วยให้ภาพถ่ายและลวดลายต่าง ๆ ติดทนนาน แต่ก่อนจะพิมพ์ผลงานให้สวยปัง คุณต้องมี วิธีเลือกหมึกซับลิเมชั่น ให้เหมาะกับงานก่อน วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ พร้อมแนะนำหมึกแต่ละประเภท ให้คุณได้มีความรู้และเลือกได้อย่างมั่นใจ

วิธีเลือกหมึกซับลิเมชั่น

ประเภทของหมึกซับลิเมชั่น

หมึกซับลิเมชั่นมี 2 ประเภทหลักๆ ที่แตกต่างกันตามคุณสมบัติและเหมาะกับงานเฉพาะด้าน ดังนี้

1. หมึกซับลิเมชั่นชนิดน้ำ (Dye-Sublimation Ink)

  • ข้อดี: ราคาถูก ใช้งานง่าย ให้สีสดใส
  • ข้อเสีย: ทนทานน้อยกว่าหมึกชนิดแข็ง ภาพอาจซีดจางเมื่อโดนแสงแดด
  • เหมาะสำหรับ: งานพิมพ์ที่ต้องการสีสันสดใส เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋าพิมพ์ลาย ของใช้ชั่วคราว

2. หมึกซับลิเมชั่นชนิดแข็ง (Pigment-Sublimation Ink)

  • ข้อดี: ทนทานต่อแสงและการซักล้าง ภาพคมชัด สวยงามยาวนาน
  • ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าหมึกชนิดน้ำ
  • เหมาะสำหรับ: งานพิมพ์ที่ต้องการความทนทาน เช่น เสื้อยูนิฟอร์ม ปลอกหมอน ผ้าม่าน งานพิมพ์ที่ต้องโดนแดดเป็นเวลานาน

วิธีเลือกหมึกซับลิเมชั่น ให้เหมาะสม

นอกจากประเภท ยังต้องดู “คุณสมบัติ” ด้วย

  • ความสามารถในการยึดเกาะ: หมึกบางชนิดเหมาะกับวัสดุเฉพาะ เช่น หมึกสำหรับพิมพ์บนแก้วจะต่างจากหมึกสำหรับพิมพ์บนผ้า
  • ความเร็วในการแห้ง: หมึกบางชนิดแห้งเร็ว เหมาะสำหรับการพิมพ์จำนวนมาก
  • ความเป็นกรด-ด่าง: หมึกบางชนิดอาจทำลายวัสดุที่พิมพ์ ควรเลือกหมึกที่เหมาะสมกับวัสดุนั้นๆ

เกณฑ์ในการเลือกหมึกซับลิเมชั่น

  • ความต้องการ: คุณต้องการงานพิมพ์แบบใด สีสันสดใส? ทนทาน?
  • วัสดุที่พิมพ์: คุณจะพิมพ์บนวัสดุอะไร?
  • งบประมาณ: คุณมีงบประมาณเท่าไหร่?
  • ปริมาณงาน: คุณจะพิมพ์จำนวนมากแค่ไหน?
  • เลือกประเภทของหมึก ให้เหมาะกับความต้องการของคุณ
  • เลือกยี่ห้อของหมึก ที่มีชื่อเสียง
  • เปรียบเทียบราคา ของหมึกต่างๆ
  • อ่านรีวิว ของผู้ใช้ก่อนตัดสินใจซื้อ

ตัวอย่างการเลือกหมึกตามงาน

  • พิมพ์เสื้อแฟชั่น: เลือกหมึกซับลิเมชั่นชนิดน้ำ ราคาถูก สีสันสดใส
  • พิมพ์ปลอกหมอน: เลือกหมึกซับลิเมชั่นชนิดแข็ง ทนต่อการซักล้าง
  • พิมพ์แก้วน้ำ: เลือกหมึกซับลิเมชั่นสำหรับแก้วโดยเฉพาะ
  • พิมพ์ผ้าม่าน: เลือกหมึกซับลิเมชั่นชนิดแข็ง ทนต่อแสงแดด

ข้อสี-ข้อเสียของหมึกซับลิเมชั่น

ข้อดีของหมึกซับลิเมชั่น

  • ภาพที่ได้มีความคมชัด สวยงาม และทนทาน เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพสูง
  • สามารถพิมพ์ลงบนวัสดุต่างๆ เช่น เสื้อผ้า แก้ว กระเบื้อง และอื่นๆ
  • ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ความชำนาญมาก
  • มีราคาไม่แพง (โดยเฉพาะหมึกชนิดน้ำ)

ข้อเสียของหมึกซับลิเมชั่น

  • ต้องใช้เครื่องพิมพ์พิเศษ ที่รองรับการพิมพ์แบบซับลิเมชั่น
  • หมึกมีราคาค่อนข้างสูง (โดยเฉพาะหมึกชนิดแข็ง)
  • ภาพที่ได้อาจซีดจางลง เมื่อโดนแสงแดดเป็นเวลานาน
วิธีเลือกหมึกซับลิเมชั่น
Image by vecstock on Freepik

บทสรุป.. วิธีเลือกหมึกซับลิเมชั่น คุณได้อะไรจากบทความนี้

หมึกซับลิเมชั่นเป็นหมึกชนิดพิเศษที่เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพสูง มีข้อดีหลายอย่าง เช่น ภาพที่ได้มีความคมชัด สวยงาม และทนทาน สามารถพิมพ์ลงบนวัสดุต่าง ๆ และใช้งานง่าย อย่างไรก็ตาม หมึกซับลิเมชั่นก็มีข้อเสียเช่นกัน เช่น ต้องใช้เครื่องพิมพ์พิเศษ หมึกมีราคาค่อนข้างสูง และภาพที่ได้อาจซีดจางลงเมื่อโดนแสงแดดเป็นเวลานาน ก่อนเลือกซื้อหมึกซับลิเมชั่น ควรพิจารณาความต้องการของคุณและเลือกประเภทของหมึกให้เหมาะสม

การศึกษา วิธีเลือกหมึกซับลิเมชั่น ให้เหมาะสมกับงานเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลงานของคุณสวยงาม ทนทาน และคุ้มค่ากับงบประมาณ ก่อนเลือกซื้อ ควรศึกษาข้อมูลของหมึกแต่ละประเภท พิจารณาความต้องการของคุณ และอย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้อง

Cover Image : Image by vecstock on Freepik

สาระทั่วไป, หมึกซับลิเมชั่น
05/11/2023

10 อันดับประเทศรักษ์โลก No.1 การผลิต สินค้ารีไซเคิล

การรีไซเคิล หรือกระบวนการการนำวัสดุรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่นั้นเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยการรีไซเคิลช่วยลดปริมาณขยะ และลดความต้องการในการผลิตวัสดุใหม่ นี่คือหนึ่งในวิธีที่ส่งเสริมความยั่งยืนและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนมากขึ้น และการผลิต สินค้ารีไซเคิล ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับเล็กไปถึงใหญ่

เหตุผลที่การรีไซเคิลสำคัญมากนี้เนื่องจากเมื่อเรานำวัสดุรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ เราสามารถลดการสร้างขยะที่จะก่อให้เกิดมลพิษสิ่งแวดล้อมและลดความต้องการในการทำให้วัสดุใหม่ นอกจากนี้ การรีไซเคิลยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ไม้และเหล็ก ที่ใช้ในการผลิตสินค้าใหม่

สินค้ารีไซเคิล
Image by Freepik

ประเทศไหนผลิต สินค้ารีไซเคิล เก่งที่สุด 10 อันดับ

อุตสาหกรรมการรีไซเคิลขณะนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และประเทศหลายประเทศริเริ่มสนับสนุนและส่งเสริมการผลิตสินค้ารีไซเคิลที่มีคุณภาพ เพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและมั่งคั่ง ประเทศไหนบ้างที่นำด้านนี้อย่างดี มาดูกันในรายการที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดของประเทศที่ผลิตสินค้ารีไซเคิลในปี 2022-2023

1. สวีเดน (Sweden)

สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่นำเสนอการผลิตสินค้ารีไซเคิลอย่างสำเร็จ พวกเขามุ่งเน้นการลดการสร้างขยะและการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ มีนวัตกรรมในการแปรรูปขยะเป็นอันดับหนึ่ง และใช้ทรัพยากรน้อยกว่าใคร ทำให้สวีเดนมีสินค้ารีไซเคิลที่มีคุณภาพสูง และสามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)

สวิตเซอร์แลนด์มีการจัดการขยะและการรีไซเคิลที่มีระเบียบวินัยและมีอัตราการรีไซเคิลที่สูง รัฐบาลและประชาชนมีบทบาทสำคัญในการแยกขยะและรีไซเคิล

3. จีน (China)

จีนเป็นประเทศที่ผลิตสินค้ารีไซเคิลมากมาย มีการใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลที่ทันสมัยและมีวัสดุรีไซเคิลที่มีคุณภาพสูงในการผลิตสินค้ารีไซเคิล

4. เยอรมนี (Germany)

เยอรมนีเป็นประเทศที่มีทางเรียบร้อยในการแยกขยะและโปรแกรมรีไซเคิลของพวกเขา พวกเขามีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการจัดกาลาบขยะ ส่งเสริมให้ประชาชนแยกขยะเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น กระดาษ, ขวดแก้ว, พลาสติก, และขยะอินทรีย์ โปรแกรมรีไซเคิลของเยอรมนีมักมีอัตราการรีไซเคิลที่สูง

5. สหรัฐอเมริกา (United States)

สหรัฐอเมริกามีธุรกิจรีไซเคิลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการผลิตสินค้ารีไซเคิลที่หลากหลายและมีนวัตกรรม

6. เนเธอร์แลนด์ (Netherlands)

เนเธอร์แลนด์มีการสนับสนุนในการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตสินค้ารีไซเคิล และมีการผลิตสินค้ารีไซเคิลที่สามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้

7. นิวซีแลนด์ (New Zealand)

นิวซีแลนด์มีภาครัฐที่สนับสนุนการผลิตสินค้ารีไซเคิลและเติบโตเป็นอุตสาหกรรมรีไซเคิลที่สำเร็จ

8. เบลเยียม (Belgium)

เบลเยียมมีการสนับสนุนจากภาครัฐในการใช้วัสดุรีไซเคิล และมีธุรกิจรีไซเคิลที่กำลังเจริญรุ่งเรือง

9. ออสเตรีย (Austria)

ออสเตรียมีระบบแยกขยะที่ครอบครองและเขาลงทุนในสถานที่เปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน พวกเขามีอัตราการรีไซเคิลที่สูง

10. ลิทัวเนีย (Lithuania)

ลิทัวเนียเป็นตัวอย่างของการสร้างสถานที่จัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ การแยกขยะและการรีไซเคิลมีบทบาทสำคัญในลดปริมาณขยะ นอกจากนี้ พวกเขายังเสริมสร้างการใช้พลังงานรีไซเคิลและสินค้ารีไซเคิล

สินค้ารีไซเคิล
Image by Freepik

สร้างโอกาสทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ

การรีไซเคิลเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยลดปริมาณขยะ และสร้างโอกาสทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ประเทศหลายแห่งมีระบบการจัดการขยะและการรีไซเคิลที่ดี และเป็นตัวอย่างในการสนับสนุนการรีไซเคิล ประเทศที่ดำเนินการรีไซเคิลอย่างเรียบร้อยมักมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง และสร้างโอกาสในอุตสาหกรรมรีไซเคิลและสินค้ารีไซเคิล

การรีไซเคิลเป็นเส้นทางที่ยั่งยืนและสามารถทำได้ในทุกประเทศ ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการนี้โดยการแยกขยะอย่างถูกต้องและสนับสนุนการใช้วัสดุรีไซเคิล หลักการนี้ก็สามารถนำมาใช้กับการรีไซเคิลวัสดุสิ้นเปลืองหรือขยะที่เกิดจากกระบวนการซับลิเมชั่นอย่าง กระดาษรองรีด กระดาษซับลิเมชั่น สำหรับธุรกิจสกรีนเสื้อได้เช่นกัน

เพื่อโลกที่ยั่งยืน

จาก 10 อันดับที่เรานำเสนอ เกือบทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และสิ่งเหล่านี้ที่พวกเขาให้ความสำคัญ ล้วนเน้นถึงความสำคัญของการรีไซเคิลในการสร้างโลกที่ยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเรียกร้องให้ทุกคนร่วมมือกันในกระบวนการนี้เพื่ออนาคตที่มีคุณภาพมากขึ้นสำหรับรุ่นปัจจุบันและรุ่นถัดไป การรีไซเคิลเป็นเรื่องสำคัญและไม่มีที่สิ้นสุด และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการสนับสนุนและส่งเสริมวัสดุรีไซเคิลและการรีไซเคิลสำหรับอนาคตที่ยั่งยืนและยั่งยืนมากขึ้น!

Cover Image : Image by Freepik

สาระทั่วไป
08/10/2023

EP. 3 เทคนิคไหนเหมาะกับ ธุรกิจสกรีนเสื้อ ของคุณ ? สกรีนปริ้น vs ซับลิเมชั่น vs ดิจิตอลปริ้นท์

มาถึงตอนสุดท้ายของซีรีส์บทความ เทคนิคไหนเหมาะกับธุรกิจสกรีนเสื้อของคุณ ? วันนี้เราจะนำเสนอตอนที่ 3 กับเทคนิคยอดนิยมที่มีคอมมูนิตี้เผยแพร่เทคนิคมากมายในแวดวงงานสกรีนอีกวิธีนึงนั่นคือ การสกรีนปริ้น (Screen Printing) ส่วนวิธีอื่น ๆ นอกจาก สกรีนปริ้น และยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เราได้ลงบทความไว้แล้ว.. ใครพลาดไป กดเข้า link นี้ไปอ่านกันได้ EP.1 เทคนิคซับลิเมชั่น EP.2 เทคนิคดิจิตอลปริ้นท์

และข้อมูลต่อไปนี้คุณจะได้รับรู้ถึงวิธีการสกรีนเสื้อแบบ การ สกรีนปริ้น (Screen Printing) วิธีที่เรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพและเป็นวิธีที่แม่นยำ ได้งานเนี๊ยบสุด ๆ วิธีนึง อ่านจบแล้วคุณอาจตกผลึกได้ว่าวิธีแบบไหนเหมาะสมกับแนวทางธุรกิจสกรีนเสื้อของคุณ และวิธีใน EP.3 นี้มีเทคนิควิธีและวัสดุที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง รวมไปถึง ข้อดี- ข้อเสียของวิธีนี้ เอาล่ะ ไปเริ่มกันเลย..

การ สกรีนปริ้น คืออะไร (Screen Printing)

การพิมพ์แบบ สกรีนปริ้น (Screen Printing) เป็นเทคนิคการพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีของการสกรีนในกระบวนการพิมพ์ เสื้อผ้า, ไม้กระดาน, หรือวัตถุศิลปะที่มีช่องว่างบางส่วนซึ่งผ่านบล๊อคสกรีนได้, โดยที่ช่องว่างนี้เป็นส่วนที่จะถูกพิมพ์ลายหรือภาพ กระบวนการนี้สามารถใช้กับหลายวัตถุและวัสดุเช่น เสื้อผ้า, กระดาน, กระดาษ, และอื่น ๆ

สกรีนปริ้น
Credit : https://www.freepik.com/free-photo/person-holding-brown-wooden-board_9898359.htm

ขั้นตอนวิธีการ

การพิมพ์หน้าจอประกอบด้วยขั้นตอนพื้นฐานดังนี้:

1. เตรียมลายหรือดีไซน์: ในขั้นตอนแรก คุณจะต้องสร้างหรือเตรียมลายหรือดีไซน์ที่คุณต้องการพิมพ์บนผ้าหรือวัตถุ ลายหรือดีไซน์นี้จะถูกถ่ายโอนไปยังสกรีนในขั้นตอนถัดไป

2. สร้างบล๊อคสกรีน: หลังจากมีลายหรือดีไซน์พร้อมแล้ว คุณจะต้องสร้างบล๊อคสกรีนที่ใช้ในกระบวนการพิมพ์ นี้เป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องใช้เส้นใยหรือที่ตามพิมพ์ เครื่องจักร หรือแสตนเลสเซ็นสตีล (stencil) เพื่อเตรียมสกรีนสำหรับการพิมพ์

3. ตั้งค่าเครื่องพิมพ์: หลังจากมีหน้าจอพร้อมแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าเครื่องพิมพ์หรือเครื่องจักรพิมพ์เพื่อให้ถูกต้องตามขนาดและลักษณะของลายหรือดีไซน์

4. การพิมพ์: ในขั้นตอนนี้ คุณจะทาหน้าจอบนผิววัตถุที่ต้องการพิมพ์ลายด้วยหมึก หมึกจะถูกกดผ่านหน้าจอลงบนวัตถุในส่วนที่มีช่องว่างตามลายหรือดีไซน์

5. การ Drying: หลังจากการพิมพ์เสร็จสิ้น คุณจะต้องแห้งลายหรือดีไซน์ด้วยความร้อนหรือลมอบบ้าน การแห้งจะทำให้หมึกยึดอยู่กับผ้าหรือวัตถุ

6. การตรวจสอบ: หลังจากการพิมพ์และการแห้ง คุณควรตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่พิมพ์เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของลายหรือดีไซน์และคุณภาพทั่วไป

การสกรีนปริ้นเป็นวิธีที่แม่นยำและสามารถใช้กับวัตถุหลายประเภท อย่างไรก็ตามการเตรียมบล๊อคสกรีนเป็นขั้นตอนที่สำคัญ และควรทำอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การสกรีนปริ้นเป็นกระบวนการที่ให้ความคิดสร้างสรรค์และสามารถสร้างผลิตภัณฑ์พิมพ์ที่มีคุณภาพสูงได้ในลายหรือดีไซน์ตามที่คุณต้องการ

วิธีนี้ต้องเตรียม วัสดุ และ อุปกรณ์อะไรบ้าง

การสกรีนปริ้น เริ่มต้นด้วยการเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อกระบวนการ นี่คือรายการวัสดุและอุปกรณ์ที่คุณต้องการ

วัสดุและอุปกรณ์หลัก

  1. บล๊อคสกรีน เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการสกรีนปริ้น คุณต้องมีบล๊อคสกรีนที่มีเส้นใยหรือแสตนเลสเซ็นสตีล (stencil) ให้มีลายหรือดีไซน์ที่คุณต้องการพิมพ์
  2. ระบบเฟรมบล๊อคสกรีน: ระบบเฟรมบล๊อคสกรีนใช้สำหรับยึดหน้าจอในตำแหน่งที่เหมาะสมและคงทนตลอดกระบวนการ
  3. หมึก: หมึกสำหรับการสกรีนปริ้นต้องเลือกตามประเภทของวัตถุที่คุณจะพิมพ์บน มีหมึกน้ำ, หมึกพลาสติส, หมึกน้ำมัน, และหมึกยิปซีเป็นต้น โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและสีที่แตกต่างกัน.
  4. เครื่องพิมพ์บล๊อคสกรีน: เครื่องพิมพ์บล๊อคสกรีนมีหลากหลายรูปแบบ ต้องเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับลายหรือดีไซน์ของคุณและวัตถุที่คุณพิมพ์.
  5. มีดหรือใยสี : มีดหรือใยสีใช้สำหรับดึงหมึกผ่านบล๊อคสกรีนและลงบนวัตถุ คุณต้องเลือกขนาดและความยาวของมีดที่เหมาะกับงานของคุณ
สกรีนปริ้น
Image by Freepik

Key takeaways สรุปข้อดี ข้อเสีย

ข้อดีของการสกรีนปริ้น

  1. ความหลากหลายในวัสดุ: การสกรีนปริ้นสามารถทำได้บนหลายวัสดุ เช่น ผ้า, กระดาน, กระดาษ, พลาสติก, และอื่นๆ ทำให้มีความหลากหลายในการใช้งาน
  2. ความแม่นยำสูง: การสกรีนปริ้นให้ความแม่นยำสูง ลายหรือดีไซน์ออกมาตรงตามที่คาดหวัง
  3. ความคงทน: ลายหรือดีไซน์ที่พิมพ์ด้วยการสกรีนปริ้นมีความคงทนและคงอยู่นานในการใช้งานประจำ
  4. ความสามารถในการพิมพ์สีสัน: การสกรีนปริ้นสามารถพิมพ์ลายหรือดีไซน์ที่มีสีสันหลากหลายและรายละเอียดสูงได้
  5. การผลิตจำนวนมาก: การสกรีนปริ้นเหมาะสำหรับการผลิตจำนวนมากของผลิตภัณฑ์เช่น เสื้อผ้าหรือของพิมพ์โปรโมชั่น

ข้อเสียของการสกรีนปริ้น

  1. ความซับซ้อนในการเตรียมบล๊อคสกรีน: กระบวนการเตรียมซับซ้อนและต้องใช้เวลานานเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการอื่น ๆ
  2. จำกัดในการพิมพ์รายละเอียดสูง: การสกรีนปริ้นไม่สามารถพิมพ์รายละเอียดสูงเท่ากับวิธีการอื่น เช่น การพิมพ์ดิจิทัล
  3. ค่าใช้จ่ายสูงกับการเปลี่ยนลายหรือดีไซน์: หากคุณต้องการเปลี่ยนลายหรือดีไซน์, ค่าใช้จ่ายในการสร้างบล๊อคสกรีนใหม่อาจมีความสูง.
  4. ไม่เหมาะสำหรับรายการที่มีจำนวนน้อย: การสกรีนปริ้นมักไม่คุ้มค่าสำหรับการผลิตจำนวนน้อยของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเตรียมบล๊อคสกรีนสูง
  5. จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญ: การสกรีนปริ้นต้องการความเชี่ยวชาญในการเตรียมบล๊อคสกรีน การพิมพ์ และการดูแลรักษาอุปกรณ์ ซึ่งอาจทำให้เป็นที่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์

การสกรีนปริ้นมีข้อดีมาก ๆ เรื่องความคงทนและความแม่นยำ แต่ก็มีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงในการเตรียมบล๊อคสกรีน ดังนั้น ควรพิจารณาวัตถุประสงค์และข้อกำหนดของโปรเจ็กต์ของคุณเพื่อตัดสินใจว่าการสกรีนปริ้นเหมาะสมหรือไม่สำหรับคุณ

Credit Cover image : Image by rawpixel.com on Freepik

สาระทั่วไป