สร้างโลโก้ ให้สุขุมและทรงพลัง ได้อย่างเจ้าแห่งแฟชั่น Goyard / Chanel / Gucci / Dior เขาทำกันอย่างไร ?
“โลโก้มาร์เก็ตติ้ง” ทุกคนเคยได้ยินคำนี้ไหมคะ ? ถ้าใครไม่เคย.. เราอยากให้คุณลองหลับตา และถามตัวเองว่า เคยไหม ? ที่คุณซื้อสินค้าเพียงเพราะคุณแค่เห็นโลโก้ หรือลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นั้น ไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ มากมายนัก คุณก็พร้อมจะมอบเงินเพื่อแลกกับการเป็นเจ้าของ การได้หยิบมันขึ้นมาใช้ การเห็นมันทุกวัน.. และคุณยังโอนเอียงเชื่อมั่นว่าสินค้านั้นจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ทั้งในแง่ของคุณภาพ และความเหมาะสมกับการใช้งาน ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นให้เสียเวลา และที่สำคัญเหตุผลหลักที่คุณโดนตกไปเรียบร้อย นั่นคือ.. เมื่อโลโก้หรือลวดลายเหล่านั้นผ่านสายตาคุณทุกครั้งที่หยิบใช้ คุณจะรู้สึกภูมิใจ รู้สึกมีรสนิยม มั่นใจในตัวเอง และรู้สึกมีคุณค่าทางสังคมเพิ่มขึ้น หนำซ้ำคุณมั่นใจว่าคนรอบข้างที่พบเห็นโลโก้ของแบรนด์ที่คุณถือในมือ พวกเขาจะหลงสเน่ห์มันไปด้วยกันกับคุณ.. ถึงตรงนี้ เรากำลังพูดถึง การ สร้างโลโก้ การสร้างแบรนดิ้งอีกวิธีนึงที่ประสบความสำเร็จมาหลายศตวรรษ
ทุกคนคะ ในบทความนี้ เราจะยังอยู่กับการหาแรงบันดาลใจ และศึกษาที่มาที่ไปของแบรนด์ดังระดับโลก ที่บางแบรนด์อยู่กับโลกนี้มาหลายศตวรรษ เขาเหล่านั้นให้ความสำคัญกับโลโก้มาร์เก็ตติ้งอย่างมาก เพราะรู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการบอกเล่าสตอรี่ของแบรนด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทรงพลังและยั่งยืน และไม่ใช่ความบัญเอิญแน่นอนที่ทำให้ลูกค้าโดนตกโดยง่ายเพียงเพราะเห็นโลโก้ของแบรนด์ที่เรามอบความรอยัลตี้ให้ หากทุกคนได้อ่านบทความที่แล้วเกี่ยวกับ Louis Vuitton ก็น่าจะรู้กันดีว่าทุกอย่างสร้างสรรค์ถูกบรรจงสร้างสรรค์มาอย่างปราณีตและตั้งใจ ส่งผลให้แบรนด์อยู่คู่กับโลกนี้มาอย่างยาวนาน และในวันนี้ เราจะมาหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติมกันอีก กับ Luxury แบรนด์ระดับโลก ที่ใช้โลโก้แบรนดิ้งโปรโมตความเป็นตัวเองได้อย่างมีสเน่ห์ ไม่น้อยหน้าไปกว่า Louis Vuitton ทุกคนจะได้ทำความรู้จักที่มาที่ไป และรับรู้ถึงความทรงพลังของแบรนด์โลโก้อย่าง Goyard, Chanel, Gucci และ Dior
Goyard
Goyard สร้างความเป็นตัวตนด้วยการ สร้างโลโก้ Goyardine ใช่แล้ว ! Goyard ตั้งชื่อลายโมโนแกรมของตัวเองขึ้นมาเหมือนที่แบรนด์อื่นๆ ก็มักจะทำกัน ลาย Goyardine เป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋า Goyard มีที่มาและแรงบันดาลใจที่น่าสนใจมาก และลวดลายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาแบบบังเอิญ แต่ Goyardine มีความหมายและบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่ยาวนานกว่า 230 ปี ได้อย่างลึกซึ้ง
Goyardine
Goyardine มีต้นกำเนิดจากงานทำมือหรือคราฟติ้งที่สุดแสนจะปราณีต ก่อนที่จะเป็นลวดลายโมโนแกรมที่โด่งดัง Goyard เริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจหีบหนัง โดยใช้ผ้าใบเคลือบในการห่อหุ้มสินค้า ซึ่งต้องใช้ความประณีตและละเอียดอ่อน ในอดีต ลาย Goyardine จะถูกวาดลงบนผ้าใบด้วยมือทีละจุด ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความละเอียดอ่อนสูง ปัจจุบัน Goyard ได้นำเทคโนโลยีการพิมพ์มาใช้ในการสร้างลาย Goyardine เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม กระบวนการผลิตยังคงเน้นความประณีตและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด
เพื่อให้แบรนด์มีความโดดเด่นเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการพัฒนาลายโมโนแกรมขึ้นมา โดยใช้ตัวอักษร “Y” ซึ่งเป็นอักษรตัวกลางของชื่อแบรนด์เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ โดยเฉพาะลวดลายของไม้ ซึ่งสื่อถึงประวัติศาสตร์ของตระกูล Goyard ที่เคยมีกิจการค้าไม้มาก่อน ทำให้เอกลักษณ์ของแบรนด์นั่นโดดเด่นไม่เหมือนใคร และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทำให้ลูกค้าสามารถแยกแยะกระเป๋า Goyard ออกจากแบรนด์อื่นได้อย่างง่ายดาย และปฏิเสธไม่ได้ว่า กระเป๋า Goyard ที่มีลวดลายโมโนแกรม Goyardine ไม่เพียงแต่เป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋า Goyard เท่านั้น แต่แสดงถึงสัญลักษณ์ของความหรูหรา คลาสสิก และงานฝีมือที่ประณีต สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และความใส่ใจในรายละเอียดของแบรนด์ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้กระเป๋า Goyard เป็นที่ต้องการของผู้ที่ชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนมและงานฝีมืออันประณีต
Chanel
การ สร้างโลโก้ หรือการออกแบบลวดลายของ Chanel มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เป็นไปตามยุคสมัย แต่ล้วนแล้วสามารถสรุปได้เลยว่าท๊อปแบรนด์ระดับโลกนี้ ลวดลายของเขาไม่เพียงแต่เป็นการตกแต่ง แต่ยังเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นคนที่สง่างามและทันสมัย มีความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งแรงบันดาลใจหลักๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายเหล่านี้มี
ดอกคามิลเลีย (Camellia)
ดอกคามิลเลียสัญลักษณ์ของแบรนด์ เป็นดอกไม้ที่ Coco Chanel ชื่นชอบเป็นพิเศษ และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ชาเนล มีความหมายถึงความเรียบง่าย ความสง่างาม และความเป็นอมตะ ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ Chanel โดยลวดลายดอกคามิลเลียถูกนำมาประดับบนสินค้ามากมาย แว่นตา เสื้อผ้า กระเป๋าในรูปแบบต่างๆ ทั้งการปัก การเย็บ หรือการขึ้นรูป
ลายควิลท์ (Quilt)
ได้แรงบันดาลใจมาจากลายผ้าห่มที่ Coco Chanel ชื่นชอบ และนำมาประยุกต์ใช้กับกระเป๋า ขาแว่นตา เสื้อผ้า ตามแต่ละดีไซน์ สื่อถึงความหรูหรา ความอบอุ่น และความคลาสสิก
ลายโลโก้ Chanel
โลโก้ของแบรนด์ ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวอักษร Chanel ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และสื่อถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ได้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเราเห็นกันเป็นประจำอยู่แล้วกับลวดลายโลโก้ Chanel ที่มักถูกนำมาประดับบนกระเป๋าในรูปแบบต่างๆ เช่น การปั๊ม การเย็บ หรือการประดับด้วยโลหะ
นอกจากนี้แล้ว Chanel ยังมีการ สร้างโลโก้ ด้วยลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัวอื่นๆ เช่น ธรรมชาติ ใบไม้ สัตว์ ศิลปะร่วมสมัย หรือแรงบันดาลใจจากศิลปินชื่อดัง และยังมีเทรนด์แฟชั่นในยุคต่างๆ ก็มีส่วนในการสร้างสรรค์ลวดลายใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ลวดลายของ Chanel โดดเด่น ใครโดนตกแล้วคงรู้ดีว่าสินค้าของคุณที่มีโลโก้ Chanel ตีตรานั้น มีความคลาสสิกและไม่ตกยุค มีความหรูหรา เพราะวัสดุที่นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายมีความละเอียดอ่อน มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
Gucci
ลวดลายโลโก้ของ Gucci นั้นมีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์และความหรูหราของแบรนด์เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และต่อไปนี้คือแรงบันดาลใจหลักๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายบนสินค้าของแบรนด์
Interlocking G
สัญลักษณ์ ตัว G สองตัวที่เชื่อมต่อกันเป็นรูปทรงที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำมากที่สุดของ Gucci ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ มาจากชื่อของ Guccio Gucci ผู้ก่อตั้งแบรนด์ และเพียงแค่คุณมอง Interlocking G ผ่านสายตา เชื่อว่าลวดลายโมโนแกรมสุดคลาสสิคนี้สามารถสื่อถึงความเป็นเอกลักษณ์และความหรูหราของแบรนด์ Gucci ได้เป็นอย่างดี
Horsebit
บางครั้ง Gucci ก็ใส่ลูกเล่นไปบนลวดลายเดิม โดย สร้างโลโก้ เป็นรูปตะขอรัดปากม้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอุปกรณ์ขี่ม้า แน่นอนว่ามาจากความหลงใหลในโลกกีฬาขี่ม้าของ Guccio Gucci
Flora
มีแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดดอกไม้ที่ออกแบบโดย Vittorio Accornero de Grazia ในปี 1966 สื่อถึงความโรแมนติกและความหรูหรา มักถูกนำมาประดับบนกระเป๋าและผ้าพันคอ
แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมและศิลปะ
Gucci มักจะนำเอาองค์ประกอบทางวัฒนธรรมต่างๆ มาผสมผสานกับดีไซน์ เช่น วัฒนธรรมจีน ญี่ปุ่น หรือวัฒนธรรมตะวันออกกลาง ร่วมไปถึงศิลปะร่วมสมัย โดยแบรนด์มักจะร่วมมือกับศิลปินร่วมสมัยในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่นพิเศษ ซึ่งส่งผลต่อลวดลายบนกระเป๋าหรือสินค้าอื่นๆ ด้วย
แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
มีสัตว์ต่างๆ เช่น เสือดาว งู หรือสิงโต มักถูกนำมาเป็นลวดลายบนกระเป๋า และยังมีพืชที่นอกจากลาย Flora แล้ว ก็ยังมีใบไม้ ดอกไม้ ต่างๆ
สิ่งที่ทำให้ลวดลายของ Gucci โดดเด่น คือความหลากหลายของลวดลายเพราะทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย คลาสสิคแต่ไม่ละทิ้งความทันสมัย เพราะ Gucci มักจะนำเสนอลวดลายใหม่ๆ ที่ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และสำคัญคือยังคงมีความหรูหรา ทั้งจากวัสดุที่นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายที่มีความละเอียดอ่อนและหรูหรา มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Dior
มาถึง Luxury แบรนด์สุดท้ายที่จะกล่าวถึงในบทความนี้กันแล้ว และจากสามแบรนด์ระดับโลกที่กล่าวถึงไปแล้ว มั่นใจเลยว่าทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงคิดเหมือนกันว่า แต่ละเจ้ากินกันไม่ลงจริงๆ.. เพราะทุกแบรนด์ล้วนมีเอกลักษณ์และมอบความ privilege เฉพาะตัวในแบบของใครของมันให้แก่ลูกค้า และแบรนด์สุดท้ายอย่าง Dior ก็เช่นกัน เพราะ Dior นั้นเต็มไปด้วยความหรูหราและความประณีต ซึ่งสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด แรงบันดาลใจที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายของแบรนด์ก็น่าสนใจไม่แพ้เจ้าอื่นแน่นอน
Cannage
สัญลักษณ์ของแบรนด์ เป็นลายที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของ Dior มากที่สุด ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเก้าอี้นโปเลียนที่ทำจากหวาย ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ Christian Dior ชื่นชอบและนำมาใช้ในการตกแต่งบ้าน สื่อถึงความหรูหรา ความคลาสสิก และความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Dior
Oblique
Oblique หรือ ลายเฉียง เป็นลวดลายที่คลาสสิกมาก และเชื่ออย่างสุดใจว่าสำหรับคนรัก Dior ทุกคน “ต้องมี” ลายนี้ และลวดลายนี้ยังถือเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์อย่างแท้จริง โดยมีต้นกำเนิดย้อนกลับไปถึงช่วงปี ค.ศ. 1950 ได้เลยทีเดียว
ดอกไม้
ยังคงเป็นแรงบันดาลใจเฉพาะตัวของ Christian Dior เหมือนเดิม เพราะเจ้าตัวมีความหลงใหลในดอกไม้เป็นอย่างมาก จึงนำดอกไม้มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ แน่นอนว่าดอกไม้สื่อถึงความสวยงาม ความโรแมนติก และความเป็นผู้หญิง การ สร้างโลโก้ ลวดลายดอกไม้นี้มักถูกนำมาประดับบนกระเป๋าในรูปแบบต่างๆ เช่น การปัก การพิมพ์ หรือการประดับด้วยคริสตัล
ลายตาหมากรุก
แฟชั่นในยุค 60 เป็นแรงบันดาลใจของลวดลายนี้ ซึ่งเป็นยุคที่ Dior ประสบความสำเร็จอย่างมาก ยังคงสื่อถึงความทันสมัยและความคลาสสิกเช่นเดิม โดยมักถูกนำมาใช้เป็นพื้นหลังหรือเป็นส่วนประกอบของลวดลายอื่นๆ
แรงบันดาลใจอื่นๆ
- Dior มักจะนำเอาองค์ประกอบทางศิลปะต่างๆ มาผสมผสานกับดีไซน์ เช่น ภาพวาด ประติมากรรม หรือสถาปัตยกรรม
- วัฒนธรรมต่างๆ ก็มีส่วนในการสร้างสรรค์ลวดลายบนกระเป๋า Dior เช่น วัฒนธรรมฝรั่งเศส วัฒนธรรมเอเชีย
- สัตว์ต่างๆ เช่น นก ผีเสื้อ หรือสิงโต มักถูกนำมาเป็นลวดลายบนกระเป๋า
- ธรรมชาติรอบตัว เช่น ท้องทะเล ดวงดาว ก็เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ลวดลาย
ความโดดเด่นอย่างนึงของ Dior คือความหรูหราทันสมัยที่สื่อผ่านโลโก้และลวดลายของ Dior จริงๆ เพียงแค่ได้ยินชื่อแบรนด์ก็หรูแล้ว เพราะนี่คือตัวตนของ Dior อย่างปฏิเสธไม่ลง ทั้งยังแฝงด้วยความคลาสสิก ซึ่งแม้จะมีการพัฒนาลวดลายใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่ลวดลายของ Dior ก็ยังคงความคลาสสิก สำคัญที่ทำให้ลูกค้ายังรัก Dior ไม่ไปไหน เพราะคุณภาพของสินค้ามีความละเอียดอ่อนสูงสุด เช่น การผลิตกระเป๋า Dior นั้นใช้ฝีมือช่างชั้นสูง ทำอย่างปราณีต จึงทำให้ให้ลวดลายมีความสวยงาม คงทน และมีมูลค่า
Credits : Product pictures from,
- https://www.goyardworld.com/th-th
- https://www.chanel.com/th/
- https://www.dior.com/th_th/fashion
- https://www.gucci.com/th/th/
Cover Images : Image by rawpixel.com on Freepik